นักท่องเที่ยวจีนพากันเปิดกระเป๋าเพื่อเก็บของออกเดินทางอีกครั้ง แต่ยังไม่ค่อยเปิดกระเป๋าตังค์ เห็นได้จากจำนวนคนจีนกว่า 240 ล้านคนที่ออกเดินทางไปตามแหล่งท่องเที่ยวอย่างนครเซี่ยงไฮ้และฮ่องกงในช่วงหยุดยาววันแรงงาน หรือโกลเดนวีค
ตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าช่วงก่อนเกิดโควิดเล็กน้อย แต่การใช้จ่ายกลับลดลง เพราะผู้คนจำนวนมากหาทางพักผ่อนแบบสบายกระเป๋า
โกลเดนวีควันแรงงานปีนี้ ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่วันเสาร์ที่ 29 เม.ย. ถือเป็นเทศกาลท่องเที่ยวแรกหลังยุคโควิดที่ดำเนินไปอย่างไร้มาตรการคุมเข้ม ผู้คนจึงพากันออกจากบ้านจนสถานที่ต่างๆ ในจีนรายงานฝูงชนมากเป็นประวัติการณ์ โดยยอดจองสำหรับการเดินทางภายในประเทศพุ่งขึ้น 8 เท่าจากปีก่อน และแซงหน้าช่วงก่อนเกิดโควิด
การกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนน่าจะสร้างความดีใจให้แก่ธุรกิจท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพราะช่วงก่อนเกิดโควิดนั้น การท่องเที่ยวในประเทศมีสัดส่วน 11% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ และ 10% ของการจ้างงานในประเทศ ขณะที่นักเดินทางจีนใช้จ่ายรวมกัน 255,000 ล้านดอลลาร์สำหรับการเดินทางระหว่างประเทศ ทั้งนี้จากข้อมูลเมื่อปี 2562 ขององค์กรการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ
อย่างไรก็ตาม ทางการประเมินว่ารายได้จากการท่องเที่ยวในประเทศจะอยู่ที่ระดับเพียง 83% ของปี 2562 หรือคิดเป็นเม็ดเงิน 120,000 ล้านหยวน อันสะท้อนว่าผู้บริโภคเลือกเดินทางท่องเที่ยวแบบใช้เงินน้อยลง เช่นเดินทางไปเมืองติดทะเลซึ่งไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในมณฑลซานตง
ขณะเดียวกัน จำนวนผู้คนที่มุ่งหน้าจากจีนแผ่นดินใหญ่ไปยังแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในเอเชีย อย่างไทย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ อยู่ในระดับต่ำ เที่ยวบินระหว่างประเทศขาออกจากจีนเมื่อเดือนที่แล้ว คิดเป็นสัดส่วนเพียง 1 ใน 3 ของเที่ยวบินเมื่อเดือนเม.ย. 2562
ทั้งนี้ สายการบินยักษ์ใหญ่ 3 แห่งของจีน คือแอร์ไชนา ไชนาเซาเทิร์น และไชนาอีสเทิร์น ต่างต้องรับมือกับราคาน้ำมันในระดับสูง เงินหยวนอ่อนค่า รวมถึงความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และแม้ในกรณีที่การเดินทางไปต่างประเทศฟื้นตัวขึ้น แต่การใช้จ่ายอาจยังไม่เพิ่มขึ้นในระดับที่รวดเร็วอย่างที่หวังไว้ก็เป็นได้