สหรัฐเคืองฟิทช์หั่นเครดิต ชี้ทั่วโลกเชื่อมั่นเศรษฐกิจมะกัน
รัฐบาลสหรัฐแสดงความไม่พอใจกรณีที่ฟิทช์ เรทติงส์ ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ โดยโฆษกทำเนียบขาวกล่าวว่าการลดอันดับความน่าเชื่อถือ เป็นการดำเนินการที่สวนทางกับความเป็นจริงในช่วงที่ประธานาธิบดีโจ โบเดน กำลังดำเนินการพลิกฟื้นเศรษฐกิจได้อย่างแข็งแกร่งมากกว่าประเทศเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่แห่งใดในโลก
ขณะที่เจเนต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ระบุว่าไม่เห็นด้วยที่ฟิทช์ทำเช่นนั้น การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือสหรัฐเป็นการกระทำตามอำเภอใจ และอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลที่ล้าหลัง การตัดสินใจของฟิทช์ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ชาวอเมริกัน นักลงทุน และทั่วโลกรับรู้ความเป็นจริงที่ว่า พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐยังคงปลอดภัยอย่างมากและเป็นสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่อง และเศรษฐกิจของสหรัฐยังมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง
ฟิทช์แจงเหตุลดเรตติงสหรัฐ แนะแก้ปัญหาธรรมาภิบาล
หลังจากฟิทช์ เรทติงส์ ถูกทำเนียบขาววิจารณ์เกี่ยวกับการตัดสินใจลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ ล่าสุดริชาร์ด ฟรานซิส หัวหน้าฝ่ายจัดอันดับความน่าเชื่อถือสหรัฐของฟิทช์ได้ชี้แจงว่า สิ่งสำคัญที่เห็นในสหรัฐมาหลายปี คือสถานะการคลังที่ถดถอยอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2550 หนี้สินโดยรวมของรัฐบาลอยู่ที่ต่ำกว่า 60% แต่ขณะนี้สูงถึง 113% ซึ่งสะท้อนว่าสถานะการคลังของรัฐบาลสหรัฐถดถอยลงอย่างชัดเจน นอกจากนี้ คาดว่ายอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลจะพุ่งขึ้นในอีก 3 ปีข้างหน้า และคาดว่าภาระหนี้สินของรัฐบาลจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอีก 3 ปีข้างหน้าเช่นกัน
ฟรานซิสระบุว่า ไม่ใช่การขยายตัวของตลาดแรงงาน ไม่ใช่ความแข็งแกร่งของสกุลเงินดอลลาร์หรือการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ที่จะช่วยให้สหรัฐสามารถกลับมาได้อันดับความน่าเชื่อถือที่ AAA จากฟิทช์ แต่เป็นการใช้มาตรการจริงจังในการกำกับดูแลระบบธรรมาภิบาล
ฟรานซิสชี้ด้วยว่า เหตุการณ์ผู้ชุมนุมบุกอาคารรัฐสภาเมื่อปี 2564 บ่งชี้ถึงความขัดแย้งทางการเมือง และเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ฟิทช์นำมาประกอบการพิจารณา เนื่องจากสะท้อนให้เห็นถึงความถดถอยของระบบธรรมาภิบาล
นอกจากนั้น การที่สหรัฐจะกลับมาได้อันดับความน่าเชื่อถือสูงสุดที่ AAA ฟิทช์จะจับตาดูแนวทางการแก้ปัญหาการคลัง หลังจากรัฐบาลนำเสนอโครงการต่างๆ รวมทั้งจับตารายได้และรายจ่ายของรัฐบาลในโครงการเหล่านี้ด้วย อีกทั้งฟิทช์จะจับตาการปรับลดยอดขาดดุลงบประมาณ และวิธีการที่รัฐบาลใช้รับมือปัญหาเพดานหนี้
ผลสำรวจชี้ปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ คุกคามเศรษฐกิจโลกมากสุด
ออกซ์ฟอร์ด อีโคโนมิกส์ เปิดเผยผลสำรวจฉบับล่าสุดที่ระบุว่า กลุ่มธุรกิจมองว่าความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ถือเป็นภัยคุกคามมากที่สุดต่อเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน
เจมี ธอมป์สัน หัวหน้าสถานการณ์มหภาคและผู้จัดทำผลสำรวจ ชี้ว่าผลสำรวจยืนยันว่ากลุ่มธุรกิจมีมุมมองเกี่ยวกับความเสี่ยงทางเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน
ทั้งนี้ ประมาณ 36% ของกลุ่มธุรกิจในผลสำรวจมองว่า ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์เป็นความเสี่ยงสูงสุดในปัจจุบัน เช่น ความตึงเครียดที่เกี่ยวข้องกับไต้หวัน เกาหลีใต้ และรัสเซีย-องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ในทางตรงกันข้าม ผลสำรวจเมื่อเดือนเม.ย.พบว่าเกือบครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสำรวจมองว่า ภาวะตึงตัวของอุปทานสินเชื่อหรือวิกฤตการณ์การเงินอย่างเต็มรูปแบบ เป็นความเสี่ยงสูงสุดต่อเศรษฐกิจในระยะใกล้
ไต้หวันปิดตลาดหุ้น-ยกเลิกเที่ยวบิน รับมือไต้ฝุ่นขนุน
ไต้หวันประกาศปิดตลาดหุ้นและตลาดปริวรรตเงินตราวันนี้ (3 ส.ค) ขณะที่มีคำเตือนเกี่ยวกับการเกิดอุทกภัยและลมกรรโชกแรงจากการพัดถล่มของพายุไต้ฝุ่นขนุน นอกจากนี้ ทางการยังสั่งปิดโรงเรียนและธุรกิจต่างๆ ในหลายเมืองทางตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งรวมถึงกรุงไทเป ขณะที่สายการบินต่างๆ ยกเลิกเที่ยวบินระหว่างประเทศเกือบ 40 เที่ยวบิน และเรือข้ามฟากในท้องถิ่นได้ระงับบริการทั้งหมด
สำหรับในไทเป ได้มีการลดบริการรถไฟใต้ดินด้วย และมีการระดมทหารหลายร้อยนายไว้เตรียมพร้อมตามเมืองใกล้เคียง เพื่อรับมือกรณีเกิดอุทกภัย
กรมอุตุนิยมวิทยาไต้หวันจัดให้พายุไต้ฝุ่นขนุน เป็นพายุที่มีความรุนแรงสูงสุดเป็นอันดับ 2 โดยเคลื่อนตัวด้วยความเร็วลมสูงสุด 198 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ก่อนหน้านี้ พายุขนุนได้พัดเข้าเกาะโอกินาวาของญี่ปุ่น กำลังแรงของลมทำให้สายไฟเสียหายและไฟดับกระทบบ้านเรือนมากกว่า 200,000 หลังคาเรือน ทั้งยังมีผู้เสียชีวิต 1 ราย
“เทย์เลอร์ สวิฟต์”เปย์โบนัสทีมงานหลายล้านดอลลาร์ ก่อนจบทัวร์
หลังจากมีข่าวว่าทัวร์คอนเสิร์ต Eras Tour ของเทย์เลอร์ สวิฟต์ น่าจะเป็นทัวร์คอนเสิร์ตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ เพราะคาดว่าจะโกยรายได้ไปกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ (34,000 ล้านบาท) ดังนั้นนักร้องดังจึงไม่น่ามีปัญหาในการแจกโบนัสให้แก่ทีมงาน โดย TMZ รายงานว่าสวิฟต์ให้โบนัสแก่คนขับรถบรรทุก 100,000 ดอลลาร์ (3,400,000 บาท) โดยคนขับคถเหล่านี้ช่วยยกอุปกรณ์ขึ้น-ลงตามจุดต่างๆ ในสหรัฐ ข่าวระบุว่าคนขับรถบรรทุกสำหรับทัวร์คอนเสิร์ตครั้งนี้มีประมาณ 50 คน ก็หมายความว่าสวิฟต์เปย์โบนัสเฉพาะคนขับไป 5 ล้านดอลลาร์ (170 ล้านบาท)
ขณะที่นิตยสารพีเพิลรายงานว่านักร้องสาวจ่ายโบนัสให้ทีมงานทุกคนในทัวร์คอนเสิร์ต รวมถึงแดนเซอร์ ทีมเทคนิค และทีมจัดเลี้ยงอาหาร ทำให้ยอดโบนัสโดยรวมที่ทีมงานได้รับ เป็นจำนวนมากกว่า 55 ล้านดอลลาร์ (1,870 ล้านบาท)
ทั้งนี้ สวิฟต์จะปิดฉากทัวร์คอนเสิร์ตที่สหรัฐสัปดาห์นี้ จากนั้นจะเริ่มออกทัวร์ต่างประเทศช่วงปลายเดือน