ราคาหุ้น ‘GULF-BGRIM’ รูด 7.43% และ 4.19% ตามลำดับ หลังแบงก์ ‘เอดีบี’ โผล่บิ๊กล็อตขายหุ้นมูลค่ารวมกว่า 9.6 พันล้านบาท แถมเคาะราคาต่ำกว่ากระดาน โบรกฯ ชี้ระยะยาวทั้ง 2 หุ้นยังแนวโน้มสดใส เชียร์ซื้อ BGRIM ราคา 62.00 บาท ส่วน GULF ราคาเกินมูลค่าไปแล้ว
นายภราดร เตียรณปราโมทย์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผยว่า วานนี้ (23 ก.ค.63) ราคาหุ้น GULF และ BGRIM ปรับฐานลงมาแรง 7.43% และ 4.19% ตามลำดับ พร้อมกับมูลค่าซื้อขายที่หนาแน่น ส่วนหนึ่งเกิดจากมีการส่งคำสั่งซื้อขาย Big Lot ทั้ง 2 หุ้นที่ราคาต่ำกว่ากระดาน
อย่างไรก็ดี จากการที่นักวิเคราะห์ทางพื้นฐานสอบถามไปยังบริษัท พบว่า ธุรกรรมดังกล่าวเกิดจากการขายหุ้นบางส่วนของ Asian Development Bank (ADB) เพื่อปรับพอร์ตการลงทุนและวงเงินภายในธนาคารเพื่อเตรียมสนับสนุนการลงทุนโครงการต่างๆ ของ GULF และ BGRIM ในอนาคต
โดยในส่วนของ GULF พบว่า ADB ลดสัดส่วนการถือหุ้น GULF ลง 176 ล้านหุ้น คิดเป็น 1.65% ของหุ้น GULF (จากเดิมที่ถือทั้งหมด 320 ล้านหุ้น หรือ 3% ของหุ้น GULF) มูลค่ารวม 6,186 ล้านบาท นอกจากนี้ ในช่วงบ่ายวานนี้ GULF ยังประกาศเพิ่มทุนผู้ถือหุ้นเดิม (RO) อัตรา 10:1 ที่ 30 บาท/หุ้น โดยจะแสดงขึ้นเครื่องหมาย XR วันที่ 6 ส.ค.63
ทั้งนี้ มุมมองของฝ่ายวิจัย ประเมินว่าราคาหุ้น GULF ได้สะท้อนประเด็นการขายหุ้นของ ADB และการเพิ่มทุนไประดับหนึ่งแล้ว โดยมีมุมมองบวกต่อภาพระยะยาวจากฐานทุนของ GULF ที่จะแข็งแกร่งขึ้น จากอัตราส่วน D/E ลดลงเหลือ 1.74 เท่า จาก 3.5 เท่า ในไตรมาสแรก และพร้อมจะขยายการลงทุนในเชิงรุกเช่นที่เคยเกิดขึ้นที่ผ่านมา
“แม้ฝ่ายวิจัยกำลังทบทวนประมาณการเพื่อสะท้อนการปรับโครงสร้างเงินทุนและโครงการใหม่ที่ยังไม่ได้รวมในประมาณการ แต่เบื้องต้นคาดว่าราคาเหมาะสม (Fair Value) ใหม่ที่ได้ก็ยังต่ำกว่าราคาหุ้นปัจจุบันจึงยังคงแนะนำ ‘สับเปลี่ยน’ (Switch) ไปเข้าซื้อ BGRIM แทน” นายภราดร กล่าว
ในส่วนของ BGRIM แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 62.00 บาท โดย ADB ลดสัดส่วนการถือหุ้น BGRIM ลง 68 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 2.61% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด (จากเดิมที่ถือทั้งหมด 123 ล้านหุ้น หรือ 4.72% ของหุ้นทั้งหมด) มูลค่ารวม 3,454 ล้านบาท โดยมองว่า BGRIM ยังคงเป็นหนึ่งในหุ้นเด่นของกลุ่มฯ ซึ่งยังมีความน่าสนใจมาก หลังราคาหุ้นได้ย่อตัวลงแรง จากความกังวลว่าอาจเพิ่มทุนเช่นเดียวกันกับ GULF
อย่างไรก็ตาม ทางผู้บริหาร BGRIM ยืนยันว่าไม่มีแผนเพิ่มทุน นอกจากนี้ BGRIM ยังมีทิศทางกำไรที่ดีต่อเนื่องทั้งในระยะสั้น ที่ได้ประโยชชน์จากต้นทุนก๊าชธรรมชาติที่ลดลง หนุนทิศทางกำไรไตรมาส 2/63 โดดเด่นกว่าไตรมาสแรก ขณะที่ระยะยาวคาดการณ์การเติบโตของกำไรจะทำจุดสูงสุดใหม่ (New High) ต่อเนื่องในอีก 4 ปีข้างหน้า (2563-2566)
“การที่ ADB ลดการถือหุ้นของทั้ง 2 บริษัท นอกจากเพื่อปรับพอร์ตลงทุนแล้ว ทาง ADB ชี้แจงว่าทั้ง 2 บริษัทเป็นลูกค้าของธนาคาร การถือหุ้นในระดับสูงอาจเป็นผลประโยชน์ทับซ้อน (Conflict of Interest) ไม่ได้เกี่ยวกับว่าธนาคารเห็นความเสี่ยงของธุรกิจแต่อย่างใด ซึ่งในกรณีคล้ายกันนี้ หากไม่ใช่การขายหุ้นของผู้บริหารระดับสูง เรามองว่านักลงทุนไม่จำเป็นต้องกังวล” นายภราดร กล่าว