6 บริษัทหลักทรัพย์ปรับเป้าราคา STGT หลังการประชุมนักวิเคราะห์ออกมาในเชิงบวก ‘บล.ฟินันเซีย’ มองราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 111.00 บาท จากเหตุราคาขายไตรมาส 2-3 พุ่ง 5-15% ต่อเดือน ฟาก ‘บล.เอเซีย พลัส’ เคาะเป้าราคาใหม่ 90.00 บาท คาดการณ์กำไรปี’63 โต 588.8%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นของ บมจ.ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) ซื้อขายที่ระดับ 75.50 บาท ปรับขึ้นจากราคาซื้อขายวันแรก 36.65% จากระดับ 55.25 บาท และปรับขึ้นจากราคาจองซื้อ IPO กว่า 122% จากระดับ 34.00 บาท ล่าสุด เมื่อวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา นักวิเคราะห์ทยอยปรับราคาเป้าหมายของ STGT หลังจากจบการประชุมนักวิเคราะห์ ดังนี้
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด – ราคาเป้าหมาย 111.00 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด – ราคาเป้าหมาย 90.00 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด – ราคาเป้าหมาย 85.00 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด – ราคาเป้าหมาย 85.00 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) – ราคาเป้าหมาย 56.00 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด – ราคาเป้าหมาย 43.00 บาท
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส เปิดเผยว่า การปรับราคาเป้าหมาย STGT มาอยู่ที่ 111.00 บาท ถือเป็นราคาเป้าหมายสูงสุดเมื่อเทียบกับราคาเป้าหมายของทั้งตลาด โดยมีสาเหตุมาจากราคาขายถุงมือยางที่ปรับขึ้นในไตรมาส 2/63 เดือนละ 5% ขณะที่ในไตรมาส 3 ปรับขึ้นเดือนละ 15% และในไตรมาส 4 คาดว่าราคาซื้อขายต่อเดือนจะปรับขึ้นอีกจากความต้องการถุงมือยางที่มากขึ้นในช่วงโควิด-19
“ราคาขายพุ่งขึ้นต่อเนื่องขณะที่ราคาวัตถุดิบค่อยๆ ทยอยปรับขึ้น ส่งผลให้อัตราส่วนกำไรขั้นต้น (Gross Margin) ปรับขึ้นด้วยเช่นกัน โดยในไตรมาส 2 เราคาดว่ากำไรจะออกมาดีกว่าไตรมาสแรกที่ทำกำไรได้ประมาณ 420 ล้านบาท และคาดว่าจะทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องในระดับพันล้านในไตรมาส 3 และ 4 ขณะที่กำไรปี’63 ทั้งปีคาดว่าจะอยุ่ที่ 4,260 ล้านบาท” นักวิเคราะห์ ระบุ
ส่วนคำแนะนำลงทุน แนะนำ “ซื้อ” เนื่องจากราคาหุ้นยังมีโอกาสปรับขึ้น (Upside) จากราคาเป้าหมายที่ 111.00 บาท อย่างไรก็ดี เนื่องจาก STGT เป็นหุ้น IPO ส่งผลให้ราคาที่ปรับขึ้นลงยังไม่สะท้อนปัจจัยพื้นฐานที่แท้จริงมากนัก แต่เป็นการสะท้อนความต้องการซื้อและขายของนักลงทุนในตลาดมากกว่า รวมถึงในวันนี้ (10 ก.ค.63) ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมประกาศรายชื่อหุ้นติด Cash Balance ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้ราคาหุ้นสัปดาห์หน้าชะรอความร้อนแรงลง
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า การประชุมนักวิเคราะห์ STGT ในวันที่ 8 ก.ค.63 เป็นไปในเชิงบวก จากความต้องการใช้ถุงมือยางที่เติบโตค่อนข้างมากจากการระบาดของโควิด-19 ปัจจุบัน STGT มีคำสั่งซื้อถุงมือยางเต็มจนถึงงวดไตรมาส 3/64 แล้ว ทำให้ STGT และผู้ประกอบการถุงมือยางในมาเลเซียล้วนปรับเพิ่มราคาขายถุงมือยางขึ้นต่อเนื่องเฉลี่ยถึง 5-10% ต่อเดือน จากงวดไตรมาส 1/63
ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบน้ำยางข้นยังทรงตัวต่ำ ทำให้ฝ่ายวิจัยปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2563 และ 2564 ขึ้น 42.3% และ 42.1% จากเดิม สะท้อนการปรับราคาขายถุงมือยางเฉลี่ยปี 2563-2564 ขึ้น 10.3% จากเดิม โดยภายหลังปรับเพิ่มประมาณการ คาดว่ากำไรสุทธิปี 2563-2564 จะเพิ่มขึ้นถึง 558.8% YoY และ 7.4% YoY จากแนวโน้มปริมาณขายถุงมือยางปี 2563-2564 ที่เพิ่มขึ้นถึง 40.8% YoY และ 7.1% YoY
ทั้งนี้ คาดว่าราคาขายถุงมือยางเฉลี่ยปี 2563 จะเพิ่มขึ้นถึง 26.3% YoY และทรงตัวสูงต่อเนื่องในปี 2564 นอกจากนี้ ยังคาดกำไรสุทธิงวดไตรมาส 2/63 จะเติบโตชัดเจนทั้ง QoQ และ YoY จากการปรับเพิ่มราคาขายถุงมือยาง และแนวโน้มปริมาณขายถุงมือยางเพิ่มขึ้นจากงวดไตรมาส 1/63 โดยแนะนำ “ซื้อ” ประเมินราคาเป้าหมายปี 2563 ของ STGT ใหม่เท่ากับ 90 บาท (เดิม 45 บาท)