ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวก 90.42 จุด หรือ 0.25% อยู่ที่ 36,488.63 จุด จากแรงหนุนคลายกังวลโควิดโอมิครอน สวนทางกับตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับลงจากแรงขายหุ้นเทคฯ-เฮลท์แคร์-เดินทาง วอลุ่มเบาบาง ส่วนเอเชียแนวโน้มปรับตัวผสม
ตลาดหุ้นต่างประเทศประจำวันที่ 30 ธ.ค.64 มีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง ดังนี้
– ตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (DJIA) ปรับขึ้น 90.42 จุด หรือปรับขึ้น 0.25% มาอยู่ที่ 36,488.63 จุด
– ตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนีเอสแอนด์พี 500 (S&P 500) ปรับขึ้น 6.71 จุด หรือปรับขึ้น 0.14% มาอยู่ที่ 4,793.06 จุด
– ตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนีแนสแดค (NASDAQ) ปรับลง 15.51 จุด หรือปรับลง 0.10% มาอยู่ที่ 15,766.21 จุด
– ตลาดหุ้นอังกฤษ ดัชนีฟุตซี่ 100 (FTSE 100) ปรับขึ้น 48.56 จุด หรือปรับขึ้น 0.66% มาอยู่ที่ 7,420.69 จุด
– ตลาดหุ้นเยอรมัน ดัชนีแด๊ก (DAX) ปรับลง 111.45 จุด หรือปรับลง 0.70% มาอยู่ที่ 15,852.25 จุด
– ตลาดหุ้นฝรั่งเศส ดัชนีซีเอซี 40 (CAC40) ปรับลง 19.59 จุด หรือปรับลง 0.27% มาอยู่ที่ 7,161.52 จุด
– ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ดัชนีเจซีไอ (JCI) ปรับขึ้น 2.33 จุด หรือปรับขึ้น 0.04% มาอยู่ที่ 6,600.67 จุด
– ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ดัชนีพีเอสอี คอมโพสิต (PCOMP) ปรับขึ้น 48.06 จุด หรือปรับขึ้น 0.66% มาอยู่ที่ 7,334.56 จุด
– ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ดัชนีนิเคอิ (NIKKEI) ปรับลง 19.31 จุด หรือปรับลง 0.07% มาอยู่ที่ 28,887.57 จุด
– ตลาดหุ้นจีน ดัชนีเซี่ยงไฮ้ (CSI300) ปรับขึ้น 11.98 จุด หรือปรับขึ้น 0.25% มาอยู่ที่ 4,895.46 จุด
– ตลาดหุ้นฮ่องกง ดัชนีฮั่งเส็ง (HANG SENG) ปรับขึ้น 118.66 จุด หรือปรับขึ้น 0.51% มาอยู่ที่ 23,205.20 จุด
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ตลาดดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 90.42 จุด หรือ 0.25% ปิดที่ 36,488.63 จุด เนื่องจากคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน หลังผลวิจัยจากหลายสถาบันระบุว่า แม้ไวรัสโอมิครอนแพร่ระบาดได้ง่าย แต่ความเสี่ยงที่ผู้ติดเชื้อจะเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลมีน้อยกว่าผู้ที่ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตา
ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ จากแรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มเฮลท์แคร์ และกลุ่มเดินทาง ท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบาง ส่วนตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวผสม โดยได้ปัจจัยหนุนจากการปรับขึ้นของตลาดดาวโจนส์ อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นโตเกียวปรับลงจากความกังวลเกี่ยวกับยอดดิดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในญี่ปุ่นที่อาจเพิ่มขึ้นในช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่และกระทบต่อเศรษฐกิจ