โบรกฯมองแนวโน้มหุ้นไทยวันนี้อาจจะลุ้นรีบาวด์ได้ หลังจากดัชนีปรับลงมาค่อนข้างมาก และยังติดตามการรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/66 ของกลุ่มแบงก์ที่เหลือที่จะทยอยออกมา
นายชาญชัย พันทาธนากิจ รองผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวถึงแนวโน้มหุ้นไทยวันนี้อาจจะลุ้นรีบาวด์ได้ หลังจากดัชนีปรับลงมาค่อนข้างมาก และยังติดตามการรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/66 ของกลุ่มแบงก์ที่เหลือที่จะทยอยออกมา โดยให้แนวต้าน 1,585 จุด แนวรับ 1,550 จุด
ขณะที่ SET ปิดเมื่อวาน (20 เม.ย.) ที่ 1,565.10 จุด ลดลง 15.63 จุด (-0.99%) มูลค่าการซื้อขาย 57,260.07 ล้านบาท การซื้อขายดัชนีปรับตัวลงต่อเนื่องจากวันก่อนโดยทำจุดต่ำสุดที่ 1,562.11 จุด และทำจุดสูงสุดที่ 1,582.30 โดยมีแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ออกมากดดัน ทั้งในส่วนของ 2 แบงก์ใหญ่ คือ KBANK และ SCB รวมถึงแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงกดดัน ปัจจัยกดดันดังกล่าวทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงมากกว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ปรับตัวลดลงตามกัน โดยมีปัจจัยภายนอกเกี่ยวกับความกังวลในการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทำให้นักลงทุนอาจมีความกังวลและขายหุ้นออกมาปิดความเสี่ยง
หลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 351 หลักทรัพย์ ลดลง 1,150 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 395 หลักทรัพย์
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ (20 เม.ย.)
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 7,282.85 ล้านบาท ปิดที่ 126.00 บาท ลดลง 5.50 บาท
KTB มูลค่าการซื้อขาย 4,999.32 ล้านบาท ปิดที่ 17.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.80 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 3,618.90 ล้านบาท ปิดที่ 99.75 บาท ลดลง 0.75 บาท
BDMS มูลค่าการซื้อขาย 1,675.85 ล้านบาท ปิดที่ 29.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,543.67 ล้านบาท ปิดที่ 153.50 บาท ลดลง 4.50 บาท