นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี ประเมินดัชนี “หุ้นไทย” วันนี้ (20 ก.พ.2566) อ่อนตัวแนวรับ 1,645 / 1,640 จุด จากความกังวล FED อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนานกว่าคาดหลังข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐอยู่ระดับสูงและเจ้าหน้าที่เฟดสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงแรงจากความกังวลการชะลอตัวทางเศรษฐกิจจะเป็นลบต่อภาวะการลงทุนช่วงนี้ ดังนั้นจึงแนะนำ Selective buy หุ้นที่มีปัจจัยบวกต่อไป
ด้านนายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวถึงแนวโน้มตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ (20-24 ก.พ.) คาดยังซึมตัว นักลงทุนยังคงติดตามการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มเปิดประเทศ (Reopening) หากออกมาดีกว่าคาด น่าจะลดแรงกดดันลงได้ ให้แนวรับไว้ที่ 1,630 จุด และแนวต้าน 1,650 จุด
ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์ถัดนี้มีแนวรับที่ 1,640 และ 1,630 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,665 และ 1,675 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ บันทึกการประชุมเฟด (31 ม.ค.-1 ก.พ.) รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI (เบื้องต้น) เดือนก.พ. ยอดขายบ้านใหม่ ยอดขายบ้านมือสอง ดัชนี PCE/Core PCE Price Index รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคลเดือนม.ค. และตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/65 ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR เดือนก.พ. ของจีน ดัชนี PMI (เบื้องต้น) เดือนก.พ. ของญี่ปุ่น ยูโรโซน และอังกฤษ รวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนม.ค. ของยูโรโซน
สถานการณ์ SET เมื่อวันศุกร์ที่ 17 ก.พ. ปิดที่ 1,651.67 จุด ลดลง 6.62 จุด (-0.40%) มูลค่าการซื้อขาย 53,413.46 ล้านบาท การซื้อขายหุ้นระหว่างวัน ทำจุดสูงสุด 1,657.02 จุด และต่ำสุด 1,643.82 จุด หลักทรัพย์เปลี่ยนแปลง เพิ่มขึ้น 427 หลักทรัพย์ ลดลง 1,113 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 473 หลักทรัพย์ ตลาดปรับตัวลงมาพอสมควร จากตัวเลข GDP ไตรมาส 4/65 ของไทยออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดไปมาก ตอกย้ำผลประกอบการไตรมาส 4/65 ของบริษัทจดทะเบียนไทยที่ออกมาแย่อยู่แล้ว จึงมีแรงขายออกมา โดยเฉพาะในหุ้นขนาดใหญ่หลายตัว แต่ยังได้แรงหนุนจากกลุ่มแนวโน้มกำไรดี อย่าง ท่องเที่ยว การบริโภค ที่ยังบวกได้เล็กน้อย
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
DELTA มูลค่าการซื้อขาย 3,115.35 ล้านบาท ปิดที่ 952.00 บาท ลดลง 24.00 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,931.56 ล้านบาท ปิดที่ 33.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท
JMART มูลค่าการซื้อขาย 1,756.07 ล้านบาท ปิดที่ 27.25 บาท ลดลง 2.25 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,476.98 ล้านบาท ปิดที่ 138.00 บาท ลดลง 1.50 บาท
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,386.58 ล้านบาท ปิดที่ 159.00 บาท ลดลง 1.00 บาท