โบรกฯลุ้นดัชนีหุ้นไทยวันนี้จะสามารถรีบาวด์ได้หรือไม่ หากรีบาวด์ไม่ได้ มีโอกาสปรับตัวลงต่อ แนะจับตาหากร่วงทำจุดต่ำสุดใหม่
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานวิจัย บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง กล่าวถึงแนวโน้มหุ้นไทยวันนี้ ลุ้นดัชนี SET จะสามารถรีบาวด์ได้หรือไม่ หากไม่สามารถรีบาวด์ได้ มีโอกาสปรับตัวลงต่อ แนะจับตา SET หากร่วงลงทำจุดต่ำสุดใหม่ มองเป็นสัญญาณไม่ค่อยดี ให้แนวรับไว้ที่ 1,518-1,507 จุด ซึ่งเป็นจุดต่ำสุด (Low)เดิม หากรับไม่อยู่คาดลงแรง ให้แนวรับถัดไปที่ 1,485-1,456 จุด หากไม่หลุดแนวรับแรก คาดมีแรง follow Buy ให้แนวต้านไว้ที่ 1,533 จุด
ขณะที่ SET เมื่อวาน (17 พ.ค.) ปิดที่ 1,522.74 จุด ลดลง 17.10 จุด (-1.11%) มูลค่าการซื้อขาย 57,401.27 ล้านบาท การซื้อขายดัชนีปรับตัวลง โดยทำจุดต่ำสุดที่ 1,517.21 จุด และสูงสุดที่ 1,543.63 จุด รับแรงกดดันจากปัจจัยต่างประเทศและในประเทศ โดยในประเทศเป็นผลจากความไม่แน่นอนว่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ ขณะที่ต่างประเทศ การหารือขยายเพดานหนี้สหรัฐยังไม่มีความคืบหน้า ส่งผลให้นักลงทุนชะลอการลงทุน และนักลงทุนต่างชาติยังเทขาย เพื่อปรับพอร์ต จากความเสี่ยงตลาดหุ้นไทยยังมีเพิ่มขึ้น บวกกับทางเทคนิคไม่มีสัญญาณรีบาวด์ด้วย หลังจากไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน หลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 105 หลักทรัพย์ ลดลง 399 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 135 หลักทรัพย์ (ล่าสุดหลังตลาดปิดทำการ รายงานว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ เห็นพ้องกันว่าทั้งสองฝ่ายจะบรรลุข้อตกลงเพิ่มเพดานหนี้ภายในวันอาทิตย์นี้ (21 พ.ค.) ซึ่งจะช่วยให้สหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ครั้งประวัติศาสตร์)
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ (17 พ.ค.)
AOT มูลค่าการซื้อขาย 3,439.11 ล้านบาท ปิดที่ 72.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 3,239.91 ล้านบาท ปิดที่ 63.00 บาท ลดลง 1.75 บาท
GULF มูลค่าการซื้อขาย 2,057.08 ล้านบาท ปิดที่ 48.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,837.24 ล้านบาท ปิดที่ 133.50 บาท ลดลง 2.00 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,827.05 ล้านบาท ปิดที่ 103.00 บาท ลดลง 1.50 บาท