นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย (PI) กล่าวถึงแนวโน้มหุ้นไทยวันนี้ (14 มี.ค.) คาดดัชนีมีโอกาสฟื้นตัว หลังนักลงทุนรับรู้ปัจจัยลบดังกล่าวไปค่อนข้างมากแล้ว และพื้นฐานตลาดหุ้นไทยยังแข็งแกร่ง รวมถึงนักลงทุนคลายกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะขึ้นดอกเบี้ยแรง โดยให้น้ำหนักว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.25% จากเดิมคาด 0.5% ในการประชุมเดือนมี.ค.นี้ สืบเนื่องจากเหตุการณ์ SVB โดยให้กรอบแนวรับ 1,570 จุด และแนวต้าน 1,590 จุด
ขณะที่ SET ปิดเมื่อวาน (13 มี.ค.) ที่ 1,573.07 จุด ลดลง 26.58 จุด (-1.66%) มูลค่าการซื้อขาย 79,662.39 ล้านบาท การซื้อขายดัชนีปรับตัวลงทำจุดต่ำสุด 1,572.65 จุดช่วงท้ายตลาด และแตะจุดสูงสุดของวันที่ 1,602.65 จุด โดยตลาดหุ้นไทยร่วงลงรับ Sentiment เชิงลบจากซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) ซึ่งเป็นธนาคารที่ปล่อยกู้ให้กับธุรกิจสตาร์ทอัพในกลุ่มเทคโนโลยี ปิดกิจการ จากการประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง ส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่าอาจเกิดภาวะเดียวกันกับธนาคารอื่นๆ อีกหรือไม่ ทำให้มีแรงขายในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ของไทยออกมาอย่างหนัก ทั้ง KBANK, BBL, SCB ขณะเดียวกันนักลงทุนยังรอดูตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในที่ 14 มี.ค.66 ด้วย หลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 315 หลักทรัพย์ ลดลง 1,408 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 318 หลักทรัพย์
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ (13 มี.ค.)
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 7,411.74 ล้านบาท ปิดที่ 128.00 บาท ลดลง 8.00 บาท
BTS มูลค่าการซื้อขาย 2,685.35 ล้านบาท ปิดที่ 6.90 บาท ลดลง 0.65 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 2,593.78 ล้านบาท ปิดที่ 99.75 บาท ลดลง 2.75 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,580.84 ล้านบาท ปิดที่ 67.75 บาท ลดลง 0.75 บาท
DELTA มูลค่าการซื้อขาย 2,569.28 ล้านบาท ปิดที่ 978.00 บาท ลดลง 14.00 บาท