ตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดร่วง 526.46 จุด หรือ 1.47% อยู่ที่ 35,241.59 จุด จากแรงกดดันเงินเฟ้อสหรัฐพุ่งสูงสุดในรอบ 40 ปี ขณะที่ยุโรปปิดลบจากแรงขายหุ้นเทคฯ ส่วนเอเชียแนวโน้มปรับลง
ตลาดหุ้นต่างประเทศประจำวันที่ 11 ก.พ.65 มีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง ดังนี้
- ตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (DJIA) ปรับลง 526.47 จุด หรือ 1.47% มาอยู่ที่ 35,241.59 จุด
- ตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนีเอสแอนด์พี 500 (S&P 500) ปรับลง 83.10 จุด หรือ 1.81% มาอยู่ที่ 4,504.08 จุด
- ตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนีแนสแดค (NASDAQ) ปรับลง 304.83 จุด หรือ 2.10% มาอยู่ที่ 14,185.64 จุด
- ตลาดหุ้นอังกฤษ ดัชนีฟุตซี่ 100 (FTSE 100) ปรับขึ้น 28.98 จุด หรือ 0.38% มาอยู่ที่ 7,672.40 จุด
- ตลาดหุ้นเยอรมัน ดัชนีแด๊ก (DAX) ปรับขึ้น 8.43 จุด หรือ 0.05% มาอยู่ที่ 15,490.44 จุด
- ตลาดหุ้นฝรั่งเศส ดัชนีซีเอซี 40 (CAC40) ปรับลง 29.33 จุด หรือ 0.41% มาอยู่ที่ 7,101.55 จุด
- ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ดัชนีเจซีไอ (JCI) ปรับลง 10.96 จุด หรือ 0.16% มาอยู่ที่ 6,823.64 จุด
- ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ดัชนีพีเอสอี คอมโพสิต (PCOMP) ปรับลง 4.68 จุด หรือ 0.06% มาอยู่ที่ 7,427.94 จุด
- ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ดัชนีนิเคอิ (NIKKEI) ปิดทำการ
- ตลาดหุ้นจีน ดัชนีเซี่ยงไฮ้ (CSI300) ปรับลง 21.98 จุด หรือ 0.47% มาอยู่ที่ 4,617.88 จุด
- ตลาดหุ้นฮ่องกง ดัชนีฮั่งเส็ง (HANG SENG) ปรับลง 87.15 จุด หรือ 0.35% มาอยู่ที่ 24,837.20 จุด
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ตลาดดาวโจนส์ลดลง 526.47 จุด หรือ 1.47% ปิดที่ 35,241.59 จุด หลังเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับขึ้น 7.5% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) ในเดือน ม.ค.65 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่เดือน ก.พ.25 และสูงกว่านักวิเคราะห์คาดที่ 7.2% และ 7.0% ในเดือน ธ.ค.64
รวมถึงกดดันจาก นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ ส่งสัญญาณสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรนแรงถึง 1% ภายในเดือน ก.ค.นี้
ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ แรงกดดันจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยิลด์) ปรับขึ้น และการเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอ
ส่วนตลาดหุ้นเอเชียปรับลง แรงกดดันจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อสูงสุดในรอบ 40 ปี อาจเร่งให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการเนื่องในวันสถาปนาประเทศ