สำหรับมนุษย์เงินเดือน มีอีกหนึ่งอาวุธลับคู่กายทางกายเงิน ที่เชื่อว่าแต่ละคนต้องมีพกติดกระเป๋ากันไว้อยู่เสมอ นั่นก็คือ บัตรเครดิต เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยเรื่องการใช้งานในการเงิน ที่มอบความสะดวกสบายด้านการใช้จ่ายให้มีความง่าย และรวดเร็วมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการซื้อของจำนวนน้อย ก็สามารถใช้บัตรสะสมคะแนนได้ หรือซื้อของที่มีมูลค่าสูง ก็สามารถใช้บริการแบ่งจ่ายได้ง่ายมากขึ้น เรียกได้ว่า ซื้อง่าย จ่ายคล่องได้มากกว่าเดิม แต่เชื่อว่าหลายคน โดยเฉพาะนักใช้บัตรเครดิตมือใหม่ อาจพบเจอกับปัญหาใช้บัตรอย่างไม่ระมัดระวัง รู้ตัวอีกทีก็เกินลิมิตที่จะรับได้ไหวไปแล้ว มีหนี้ที่ต้องจ่ายอยู่จำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่มีใช้หลายบัตร หนี้หลายใบก็อาจทำให้เกิดความเครียดมากขึ้น ซึ่งหนึ่งในทางออกที่นิยมอย่าง การกู้เงินปิดบัตร เป็นหลายวิธีที่หลายคนแนะนำ แต่ก่อนใช้บริการต้องรู้อะไรบ้าง ตามมาดูได้ที่นี่เลย
1.กู้เงินปิดบัตรคืออะไร
หนี้บัตรเครดิตเพียง 1 ใบ ถึงแม้ว่าจะสร้างความน่าปวดหัวให้ใครหลายคน แต่ก็ยังดีกว่าการมีหนี้หลาย ๆ ใบ แต่ยังไม่รู้ว่าจะจัดการให้ลงตัวได้อย่างไร ซึ่งการเลือกใช้บริการกู้เงินปิดบัตร เป็นรูปแบบการจัดการหนี้หลายใบ ให้มารวมอยู่ในที่เดียว เพื่อเพิ่มความสะดวกให้การชำระ ไม่ต้องกังวลเรื่องการกำหนดวันจากหลาย ๆ ที่รวมถึงปัญหาเรื่องดอกเบี้ยซ้ำซ้อนก็จะหมดไป สามารถดำเนินการชำระใหม่ในอัตราดอกเบี้ยที่ถูกกว่า ช่วยให้การชำระเงินในแต่ละงวดลดน้อยลงได้
2.ข้อดีของการกู้เงินปิดบัตร
หนึ่งในข้อดีสำคัญที่กล่าวไปในข้างต้นของการเลือกใช้บริการกู้เงินปิดบัตร การความสามารถในการจัดการหนี้ที่มีความสะดวก และง่ายขึ้น มีดอกเบี้ยรวมที่ต้องชำระได้น้อยลง หมดปัญหาการมีหนี้ซ้ำซ้อน ให้มีความสามารถชำระได้ในบัตรเดียว
3.ประเมินความสามารถในการผ่อนชำระ
สำหรับคนสนใจอยากเลือกใช้บริการกู้เงินปิดบัตร ก่อนเลือกใช้บริการ ควรพิจารณาถึงจำนวนเงินที่เหมาะสมก่อนการผ่อนชำระ โดยคำแนะนำไม่ควรมีหนี้เกิน 1 ใน 3 ของรายรับทั้งหมด แต่หากมีความต้องการอยากปิดหนี้บัตรให้หมด สามารถลองเข้าพูดคุยกับธนาคารเพื่อทำการแบ่งชำระในข้อเสนอที่เหมาะสมกว่าเดิมได้ รวมถึงเลือกดอกเบี้ย และระยะเวลาผ่อนชำระที่เหมาะสมกับสถานะการเงินและค่าใช้จ่ายของเราได้
4.เครดิตแบล็กลิสต์
แบล็กลิสต์ เป็นคำที่หลายคนอาจเคยได้ยินกันมาบ้าง ซึ่งเป็นบัญชีที่รวบรวมข้อมูลทางการเงินบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติรวบรวมไว้ ซึ่งก่อนที่เราจะใช้บริการกู้เพิ่มเติมอีก บริษัทก็จะเข้ามาตรวจสอบในแบล็กลิสต์เพื่อดูประวัติการกู้ในครั้งที่ผ่าน ๆ มา ซึ่งสามารถล้างข้อมูลใหม่ในทุก 3 ปี ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีหนี้จากที่ไหนก็ตาแต่หรือจะเคยติดแบล็กลิสต์ก็ยังสามารถถูกพิจารณาได้เหมือนคนอื่น