‘สุพัฒนพงษ์’ ดัน 4 อุตสาหกรรม เป้าหมาย สร้างรายได้เข้าประเทศ ตั้งเป้าดึงการลงทุนขนาดใหญ่เข้าประเทศ หวังดันจีดีพีขยายตัวได้ 4%
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เปิดเผยว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับแผนปฏิบัติการเชิงรุกเพื่อชักจูงการลงทุนและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศให้ฟื้นจากสถานการณ์โควิด-19และรองรับการท่องเที่ยวและการลงทุน โดยได้รายงานให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีพิจารณาทราบในเบื้องต้นแล้วและจะได้มีการทำแผนเชิงปฏิบัติการให้เป็นรูปธรรมต่อไปเพื่อผลักดันให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ในปี 2564 ขยายตัวได้ 4% จากการลงทุนที่จะเพิ่มขึ้น
อ่าน : ‘สุพัฒนพงษ์’ โต้ รัฐบาลถังแตก ยันไม่มีขึ้นภาษี
โดย 4 อุตสาหกรรมที่รัฐบาลจะให้ความสำคัญที่ให้ความสำคัญในการชักจูงการลงทุน และไปชักจูงการลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนเพิ่มเติมในประเทศไทยเป็นอุตสาหกรรมที่ไทยมีพื้นฐานและศักยภาพที่จะเติบโตต่อไปได้ในอนาคต ได้แก่
1. อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ปัจจุบันมีการตั้งคณะกรรมการระดับชาติขึ้นมาดูแลในเรื่องนี้และตั้งเป้าว่าจะไปสู่การเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของภูมิภาค ขณะที่อุตสาหกรรมอื่นๆที่เกี่ยวข้องก็จะมีระยะเวลาในการปรับตัวเพื่อไปสู่ซัพพายเชนของรถยนต์ไฟฟ้าได้ในอนาคต
2. อุตสาหกรรมการแพทย์ ซึ่งนอกจากเรื่องการควบคุมการระบาดและรักษาโควิด-19 ได้ดี รัฐบาลต้องการที่จะต่อยอดให้ประเทศไทยเป็นฐานการเครื่องมือทางการแพทย์ของภูมิภาค โดยใช้ประโยชน์จากความรู้และงานวิจัยทางการแพทย์ที่มีอยู่ในประเทศไปสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ
3. อุตสาหกรรมสมาร์ทอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่ไทยมีฐานการผลิตเดิมในเรื่องอิเล็กทรอนิกส์อยู่แล้วแต่ต้องชักจูงให้เกิดการลงทุนเพิ่มจากอุตสาหกรรมที่ลงทุนอยู่ในประเทศ และจากบริษัทใหม่ๆที่จะเข้ามาลงทุนเพิ่มเติมเพื่อเป็นฐานในการเติบโตในอนาคต
4. อุตสาหกรรมดิจิทัล ซึ่งจะให้ความสำคัญในเรื่องของการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางของการลงทุนดาต้าเซนเตอร์ของภูมิภาค ซึ่งจะสร้างอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องต่อเนื่องเช่นการพัฒนาแพลตฟอร์ม การสร้างสตาร์ทอัพต่อเนื่องจากการลงทุน
“การเดินหน้าชักจูงการลงทุนนอกจากการเสนอในเรื่องของสิทธิประโยชน์ในการจูงใจ ยังต้องปรับปรุงในเรื่องของการอำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนจากต่างประเทศด้วย ซึ่งในเรื่องนี้รัฐบาลจะมีการประสานงานอย่างต่อเนื่องกับสถานทูตและนักลงทุนเพื่อขจัดปัญหาและอุปสรรคในการลงทุนให้ได้โดยเร็วที่สุด” นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว