ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นั้น ประเทศสมาชิกอาเซียนได้หารือร่วมกันในหลายมิติ โดยในมิติด้านการเกษตร ทางด้านนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบุว่ารัฐมนตรีเกษตรของอาเซียนเห็นชอบที่จะรับมือผลพวงของวิกฤติโควิด-19
โดยรัฐมนตรีเกษตรของอาเซียน จะผลักดันการดำเนินการตามกลไกที่มีอยู่แล้วภายใต้กรอบความร่วมมือ โดยจะร่วมมือกันสร้างความมั่นคงด้านอาหาร ความปลอดภัยด้านอาหารและคุณค่าทางโภชนาการ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าประชากรในอาเซียนจะมีอาหารเพียงพอต่อการดำรงชีวิต
สำหรับการดำเนินการนั้น ประเทศสมาชิกอาเซียนจะดำเนินการสำรองข้าว เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีเพียงพอในกรณีฉุกเฉิน การสร้างข้อมูลการตลาดที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ผ่านการดำเนินงานของสำนักเลขานุการระบบข้อมูลสารสนเทศความมั่นคงทางอาหารในภูมิภาคอาเซียน (AFSIS) และองค์กรสำรองข้าวฉุกเฉินของอาเซียนบวกสาม (APTERR)
นอกจากนี้จะประเมินสถานการณ์และคาดการณ์สถานการณ์อาหารของภูมิภาคอาเซียนและของโลก ทั้งด้านการค้า ราคา คุณภาพ และปริมาณสำรองของอาหารพื้นฐาน เช่น ข้าว ข้าวโพด และน้ำตาล เป็นต้น โดยมีคณะกรรมการสำรองอาหารเพื่อความมั่นคงแห่งภูมิภาคอาเซียน (AFSRB) ร่วมกับ AFSIS และ APTERR และประสานงานกับคณะทำงานที่เกี่ยวข้องด้านอาหาร พืช ปศุสัตว์ ประมง และป่าไม้
อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยพร้อมจะร่วมมือกับนานาประเทศในอาเซียน พลิกวิกฤตจากการระบาดของโควิด-19 ให้เป็นโอกาส และต้องเร่งปรับตัวในทุกด้านเพื่อให้มีความยืดหยุ่นและเข้มแข็ง พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่หยุดนิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ในอนาคต
ในส่วนของรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ได้มีแนวทางบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจ เช่นการรักษาตลาดอาเซียนที่เปิดกว้างสำหรับการค้าและการลงทุน การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและการค้าดิจิทัลเพื่อเอื้อภาคธุรกิจ การเสริมสร้างความยืดหยุ่นและยั่งยืนของห่วงโซ่อุปทาน
ทั้งนี้นายเฉลิมชัย ระบุว่าประเทศไทยพร้อมจะร่วมมือกับนานาประเทศในอาเซียน พลิกวิกฤตจากการระบาดของโควิด-19 ให้เป็นโอกาส และต้องเร่งปรับตัวในทุกด้านเพื่อให้มีความยืดหยุ่นและเข้มแข็ง พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่หยุดนิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ในอนาคต