HomePolitics“สมคิด” ชี้ ก.ค. ธุรกิจปิด-ตกงานเพิ่ม รัฐอัดฉีด 3.15 แสนล. สร้างงาน-รายได้เกษตรกร

“สมคิด” ชี้ ก.ค. ธุรกิจปิด-ตกงานเพิ่ม รัฐอัดฉีด 3.15 แสนล. สร้างงาน-รายได้เกษตรกร

“สมคิด” ลั่นปรับครม. ไม่สำคัญ“คนเก่าหรือใหม่อยู่” แต่ขอให้ช่วยหาทางออกเศรษฐกิจประเทศด้วย ชี้เดือนก.ค. เห็นธุรกิจปิดกิจการแน่ เร่งดันโครงการใช้เงิน 4 แสนล้านปั๊มเศรษฐกิจชุมชน รัฐลุยอัดฉีดเงินกว่า 3 แสนล้าน สร้างงาน-รายได้ ยกเครื่องภาคเกษตร ยึด 3 โครงการหลักของ ธ.ก.ส. “ตั้งหลัก-ตั้งฐาน-ตั้งมั่น”

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในงานเปิดตัวโครงการ “เศรษฐกิจพอเพียงสร้างไทย” และโครงการ “New Gen Hug บ้านเกิด” ซึ่งได้เป็นประธานเปิดงานดังกล่าว ว่า จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจของไทยหยุดลงไปหนึ่งไตรมาสแล้ว แต่โลกยังไม่ดีขึ้น การจะผ่อนคลายมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อย่างรวดเร็ว ยังคงทำไม่ได้

“แต่จะไม่เปิดเลยก็ไม่ได้ คนที่ไม่มีอันจะกินต่าง ยังต้องทำมาหาเลี้ยงชีพ ฉะนั้นจึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องผ่อนปรนอย่างมีเหตุมีผล อย่างระมัดระวัง เนื่องจากทุกๆ อย่างต้องมีจุดสมดุล”นายสมคิดกล่าว

- Advertisement -

ด้านรัฐบาล โดยนโยบายของพล.อ. ประยุทธ์ จันทน์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งให้คิดทำสิ่งใหม่ๆ เพื่อให้ภาคเกษตรของไทยมีความเข้มแข็ง และต้องช่วยสนับสนุนให้ผู้ที่ต้องตกงานจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่อพยพกลับสู่บ้านเกิด สามารถมีงานทำให้มีรายได้พออยู่ได้ ทั้งนี้คาดว่ามีผู้ตกงานกลับบ้านเกิดราว 2 ล้านคน

นายสมคิด กล่าวอีกว่า ในเดือน ก.ค. จะเห็นภาคธุรกิจทยอยปิดตัวลง เพราะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังไม่ดีนัก ซึ่งจะทำให้ภาคส่งออกและภาคท่องเที่ยวยังไม่กลับมา

“โรงงานอุตสาหกรรมก็ยังไม่สามารถผลิตได้เต็มที่ เพราะฉะนั้น ในเดือนมิ.ย.-ก.ค. จะเป็นเดือนที่เห็นการเริ่มโครงการต่างๆ(จากมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจ 4 แสนล้านบาท) ออกมา”นายสมคิดกล่าว

ทั้งนี้ มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจภายใต้เงินกู้ 4 แสนล้านบาทนั้น ขณะนี้มีกระทรวง หน่วยงานต่างๆทั้งภาครัฐและเอกชน มูลนิธิที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาชนบทจัดทำโครงการเสนอมากว่า 43,851 โครงการ วงเงินกว่า 1.36 ล้านล้านบาท ซึ่งตนได้เร่งรัดให้คณะกรรมการกลางมาทำหน้าที่กลั่นกรองโครงการฯ ดำเนินการพิจารณาตั้งแต่เดือนมิ.ย. 63 และคาดว่าโครงการต่างๆจะทยอยดำเนินการได้ในเดือนก.ค.

นายสมคิด ยังได้กล่าวถึงเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม) ว่า ไม่ต้องพูดเรื่องการปรับ ครม. จะเก่าไปใหม่มาหรือเก่าไม่ไปใหม่ไม่มา เพราะไม่มีอะไรสำคัญ สิ่งที่สำคัญคือไม่ว่าเก่าจะอยู่หรือใหม่มา ต้องเดินตามหลักการให้ท้องถิ่นเข้มแข็ง สร้างงานให้คนไทยและตอนนี้อย่าโทษกันว่าใครทำให้เศรษฐกิจแย่ คนตกงานเยอะ เพราะขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในภาวะวิกฤต ควรต้องมาช่วยกันหาทางออกให้ประเทศได้อย่างไร จะสร้างสมดุล(เศรษฐกิจ)ระหว่างภายในประเทศกับภายนอกประเทศเรื่องส่งออกได้อย่างไร ประเทศไทยควรใช้โอกาสของปีนี้และปีหน้าในการสร้างฐานให้เข้มแข็ง

ในส่วนของ ธ.ก.ส. ได้เริ่มคิดโครงการเศรษฐกิจพอเพียงสร้างไทย ซึ่งจะทำให้เกษตรกรไทยลืมตาอ้าปากได้ เนื่องจากโครงการที่ทำ จะช่วยสร้างรายได้ให้แก่ผู้อพยพกลับสู่ถิ่นฐานและไม่มีงานทำ ได้มีทางเลือกในการสร้างอนาคตของตนเอง

พร้อมกันนี้ นายสมคิดได้ขอให้ ธ.ก.ส. ช่วยเหลือเกษตรกร ด้วยการสนับสนุนอัตราดอกเบี้ยต่ำ 0.01% เพื่อให้แรงงานที่กลับเข้าสู่ภาคการเกษตร ได้มีแหล่งทุนพัฒนาภาคการเกษตร ให้เลี้ยงชีพต่อไปได้ รวมถึงเสนอการแก้ปัญหาให้แก่เกษตรกร เน้นการรวมกลุ่ม เช่น สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน สมาร์ทฟาร์มเมอร์

นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้กล่าวว่า ธ.ก.ส. ได้รับงบประมาณจากรัฐบาลสนับสนุนเพิ่มอีก 5.5 หมื่นล้านบาท และยังมีสินเชื่อสนับสนุนโครงการอีก 2.6 แสนล้านบาท สำหรับดำเนินการ 3 โครงการ รวมเป็นเม็ดเงินกว่า 3 แสนล้านบาท เข้าสู่โครงการเศรษฐกิจพอเพียงสร้างไทย

ทั้งนี้ 3 โครงการดังกล่าว ได้แก่ โครงการเสริมสร้างความ “มั่นคง” ระดับครัวเรือน (ตั้งหลัก) โดยรัฐบาลสนับสนุนงบประมาณโดยตรง จำนวน 10,720 ล้านบาท ขับเคลื่อนและพัฒนาให้เกษตรกร จำนวน 300,000 ราย และการสร้างโอกาสให้คนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ มีความเชื่อมั่นในวิถีการเกษตรแบบใหม่ จำนวน 200,000 ราย

“ธ.ก.ส.พร้อมสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยผ่อนปรน ได้แก่ สินเชื่อพอเพียงเพื่อเลี้ยงชีพวงเงิน 10,000 ล้านบาท สินเชื่อ New Gen Hug บ้านเกิดวงเงิน 60,000 ล้านบาท และสินเชื่อระยะสั้นฤดูการผลิตใหม่ (Jump Start Credit) วงเงิน 100,000 ล้านบาท “ นายอภิรมย์กล่าว

สำหรับโครงการเสริมสร้างความ “เข้มแข็ง” ระดับชุมชน (ตั้งฐาน) รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณ 22,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนวิสาหกิจชุมชน 16,000 แห่ง สำหรับนำไปลงทุนพื้นฐานด้านการเกษตร เช่น ระบบน้ำ โรงเรือน เครื่องจักรกล และเทคโนโลยีนวัตกรรมทางการเกษตร ไม่เกิน 50% ของมูลค่าการลงทุน และไม่เกินแห่งละ 5 ล้านบาท

พร้อมกันนี้ สนับสนุนค่าใช้จ่ายในปัจจัยการผลิตสำหรับวิสาหกิจชุมชนที่มีการบริหารและดำเนินการผลิตเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่ง ธ.ก.ส. พร้อมสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยผ่อนปรน ได้แก่ สินเชื่อธุรกิจสร้างไทยวงเงิน 30,000 ล้านบาท และสินเชื่อ SMEเกษตรวงเงิน 40,000 ล้านบาท

และโครงการเสริมสร้างความ “ยั่งยืน” ของเศรษฐกิจฐานราก (ตั้งมั่น) ซึ่งรัฐบาลสนับสนุนงบประมาณ 21,675 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนให้สถาบันเกษตรกรและผู้ประกอบการ จำนวน 7,255 แห่ง เป็นหัวขบวนในการรวบรวมผลผลิต การแปรรูปผลผลิต การเชื่อมโยงการตลาด การจัดการขนส่ง การให้บริการทางการเกษตร และการท่องเที่ยวชุมชน

โดยเน้นการมีส่วนร่วมและให้ชุมชนเป็นศูนย์กลาง ประกอบด้วย ค่าลงทุนปัจจัยพื้นฐาน การปรับเปลี่ยนการผลิต การเช่า การจ้างแรงงาน ไม่เกิน 50 %ของค่าลงทุนและค่าใช้จ่ายและไม่เกินแห่งละ 5 ล้านบาท รวมถึงการนำไปพัฒนาความรู้เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้นำสถาบันเกษตรกร

ในส่วนนี้ ธ.ก.ส.ยังสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยผ่อนปรน ได้แก่ สินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทยวงเงิน 10,000 ล้านบาท และสินเชื่อ SME เกษตรวงเงิน 10,000 ล้านบาท

Business Today
Business Todayhttps://businesstoday.co
Supporting Thailand's business communities./ FB Page: Business Today Thai/ Social: Business Today Thai (สำหรับ Twitter, YouTube, Telegram)/ LINE: @Business today/ เว็บที่เกี่ยวข้อง: Thailand Today: www.thailandtoday.co/ FB: Thailantoday.co (English)/ Thailand Today News: www.thailandtoday.news/ FB: Thailandtoday.news (Mandarin Chinese)

Latest

ติดตามข่าวสารอัพเดททันใจจาก Businesstoday ได้โดยกรอกอีเมลด้านล่าง

Related News