“พล.อ.ประยุทธ์” หนุนเศรษฐกิจสีเขียว โมเดลเศรษฐกิจใหม่ สร้างงานและโอกาสใหม่การพัฒนาประเทศหวังดันไทยหลุดกับดักรายได้ปานกลาง ลั่นพร้อมผนึกกำลังทุกภาคส่วนใช้ “รวมไทยสร้างชาติ”
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวระหว่างเป็นประธานเปิดงานและแสดงปาฐกถาพิเศษเรื่อง “BCG : โมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน” พร้อมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความร่วมมือโครงการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (BCG – Bioeconomy, Circular Economy และ Green Economy) สร้างความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ร่วมลงนามรวม 18 หน่วยงาน ณ ศูนย์การประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จ.นนทบุรี โดยมี นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมงานด้วย
โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการประชุมสมัชชา BCG ในวันนี้ ว่า เป็นจุดเริ่มต้นของการดำเนินการตามรัฐบาลวิถีใหม่ ที่ผนึกกำลังทุกภาคส่วน ร่วมคิด ร่วมวางแผนอนาคตไทย ทำงานเชิงรุก ก้าวไปข้างหน้าด้วยพลังของคนไทย ร่วมกันสร้างชาติ พลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยให้กลับมาสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน
ทั้งนี้ รัฐบาลขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจใหม่ที่เรียกว่า เศรษฐกิจ BCG ซึ่งเป็นโมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว ให้ความสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก เช่น การเกษตรแนวใหม่หรือทฤษฎีใหม่ ที่ใช้เทคโนโลยีเพิ่มมูลค่าและไม่ส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม การประยุกต์วัสดุเหลือใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์ การบริหารจัดการน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยสอดคล้องกับปริมาณฝนและปริมาณแหล่งน้ำในระบบน้ำต่างๆ โรงไฟฟ้าและพลังงานต่างๆ โดยพืชพลังงาน เป็นต้น
“รัฐบาลพร้อมทำความเข้าใจและร่วมมือกับประชาชนขับเคลื่อนการทำงานในลักษณะ New Normal หรือโลกยุคใหม่ โดยสนับสนุนงบประมาณ ตลอดจนสนับสนุนให้เกิดผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูงหรือนวัตกรรม“
นอกจากนี้ โมเดลเศรษฐกิจ BCG จะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ทำให้ไทยก้าวข้าม “กับดักประเทศรายได้ปานกลาง” และลดความเหลื่อมล้ำ การกระจายรายได้อย่างเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงทรัพยากร ยาและเวชภัณฑ์ ลดปัญหามลพิษและสิ่งแวดล้อม ลดความเสี่ยงจากโรคระบาดในคน สัตว์และพืช ตอบโจทย์ประเทศไทยในยุคหลังสถานการณ์โควิด สร้างรายได้ประเทศในอนาคตให้สูงขึ้นอีกด้วย
สำหรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ต้องสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนและสอดรับกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และแนวทางการสร้างความเข้มแข็งโดยน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 ครอบคลุมกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 6 ด้านเป็นเป้าหมายในการพัฒนาประเทศเพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืน ด้วยบูรณาการแผนงานให้สอดคล้องกัน เป็นพลังผลักดันร่วมกันไปสู่เป้าหมายดังกล่าวภายในระยะเวลา 5 ปี 10 ปี ตามที่กําหนดในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ส่วนการดำเนินงานรายปีก็จะมีการกำหนดเป้าหมาย โครงการ/แผนงาน การใช้จ่ายเงินงบประมาณประจำปีอย่างรอบคอบและโปร่งใสด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า เน้นย้ำว่าการทำงานวันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นในการขับเคลื่อนประเทศด้วยการพัฒนาเศรษฐกิจยุคหลังจากโควิด-19 โดยมุ่งมั่นเปลี่ยนวิกฤติโควิด-19 ให้เป็นโอกาสของประเทศ เน้นสร้างความเข้มแข็งจากภายในประเทศ ส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากไทยเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลก ให้ประเทศไทยและคนไทยมีความมั่นคงทั้งด้านอาหาร สุขภาพ พลังงาน ประชาชนมีงานทำ เพื่อนำไปสู่การสร้างงานและโอกาสใหม่ของประเทศ พลิกฟื้นเศรษฐกิจ ผนึกกำลังทุกภาคส่วน ตามแนวทางการทำงาน “รวมไทยสร้างชาติ”