เล็งช่วย “ไอทีดี” ปมถูกรัฐบาลเมียนมาบอกเลิกสัมปทาน “สุพัฒนพงษ์” เล็งใช้กลไก 3 ฝ่ายช่วยแก้ปัญหา หลังไอทีดีส่งจม.ร้องเรียนถึงนายกฯ รอข้อมูลเพิ่มเติมจากคณะทำงานชุดที่รมว.คลังเป็นประธานก่อนสรุปข้อมูลโครงการ ระบุรัฐยังให้ความสำคัญกับโครงการในฐานะประตูสู่อันดามัน
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาวน์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เปิดเผยภายหลังหารือกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ว่าได้หารือกับนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษและโครงการท่าเรือน้ำลึกทวายในประเทศเมียนมา ซึ่งรัฐบาลพึ่งจะมีการปรับโครงสร้างการทำงานและตั้งให้ตนเป็น ประธานกรรมการร่วมระดับสูงระหว่างไทย-เมียนมาเพื่อการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้อง (JHC) ซึ่งเป็นประธานคณะที่ปรึกษาในโครงการนี้ ว่ารัฐบาลยังให้ความสำคัญกับโครงการนี้ในฐานะท่าเรือที่จะออกสู่ทะเลอันดามัน และไทยมีการลงทุนถนนที่จะไปเชื่อมต่อไว้แล้ว
ส่วนกรณีที่บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ได้รับแจ้งจากคณะกรรมการบริหารงานพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษทวายของ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาว่าได้ยกเลิกสัญญาสัมปทานโครงการทั้ง 7 ฉบับที่ได้สิทธิ์ในการบริหารพื้นที่ภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย นั้น ตนได้รับทราบว่าทางบริษัทเอกชนของไทยได้ส่งหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีให้ช่วยเหลือในเรื่องดังกล่าวแล้ว ซึ่งขณะนี้กำลังรอรายงานจากคณะทำงานที่เกี่ยวข้องว่ารัฐบาลสามารถช่วยเหลือได้อย่างไร
“ในทางนโยบายรัฐบาลยังให้ความสำคัญกับโครงการทวาย เนื่องจากได้มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่จะเชื่อมต่อกับโครงการไปเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะมอเตอร์เวย์บางใหญ่-กาญจนบุรี และโครงการทวายก็เป็นท่าเรือน้ำลึกที่จะออกสู่อันดามันได้” นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว
สำหรับวงเงินกู้ที่รัฐบาลไทยกันไว้ให้รัฐบาลเมียนมา 4,500 ล้านบาท เพื่อสร้างถนนความยาว 139 กิโลเมตรจากชายแดนกาญจนบุรีไปถึงโครงการทวาย นั้นในเรื่องนี้ นายสุพัฒนพงษ์ ระบุว่ารัฐบาลก็คงจะกันเงินจำนวนนี้ไว้ต่อไปเพื่อสนับสนุนให้เกิดถนนเส้นดังกล่าวซึ่งจะช่วยให้การเดินทางจากทวายมาถึงชายแดนไทยมีความสะดวก ซึ่งเป็นการลงทุนเพื่อรองรับการคมนาคมขนส่งในอนาคต