การตัดสินใจทิ้งพรรคเพื่อไทยของ คุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีต ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง โดยในหนังสือลาออก ระบุให้มีผลตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 ทั้ง ๆ ที่คุณหญิงสุดารัตน์ เป็นสมาชิกประเภทตลอดชีวิต จึงเป็นปรากฏการณ์ทางการเมืองที่สั่นสะเทือนพรรคเพื่อไทยอยู่ไม่น้อย
สั่นสะเทือนเพราะไม่ได้ลาออกเพียงคนเดียว ยังมีอดีตรัฐมนตรีอีก 3 คน ตัดสินใจยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคด้วย ประกอบไปด้วย นายโภคิน พลกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และ นายพงศกร อรรณนพพร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกนะทรวงศึกษาธิการ
ถ้ามองแบบกว้าง ๆ สำหรับการลาออกครั้งนี้ คงมาจากปัญหาความขัดแย้งภายในพรรค นับตั้งแต่มีการเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ และลดบทบาทกลุ่มการเมืองขั้วของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ทำให้ตัดสินใจลาออก
ความขัดแย้งเรื่องขั้วการเมืองในพรรคเพื่อไทยมีมายาวนาน โดยเฉพาะระหว่างเจ้เมืองหลวงกับพี่ใหญ่บางบอน แต่ยิ่งร้าวลึกเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างในพรรค กลุ่มก้อนของคุณหญิงสุดารัตน์ถูกลดบทบาทลง และคุณหญิงผมกระบังเข้ามาสวมแทนในฐานะเจ้าของพรรคตัวจริง
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เคยลาออกจากตำแหน่งประธานยุทธศาสตร์พรรค โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2563 รวมถึงนายโภคิน พลกุล และนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ก็ขอลาออกจากกรรมการยุทธศาสตร์พรรคด้วย หลังมีความขัดแย้งหนักภายในพรรค
ไม่ใช่แค่นั้น นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ เด็กข้างแคร่ของคุณหญิงสุดารัตน์ ก็ลาออกจากเลขาธิการพรรคด้วย
มีรายงานว่าการลาออกครั้งนั้น อาจเกิดปัญหาภายในพรรคที่ต้องการมือประสานการทำงาน ที่สามารถเจรจากับพรรคร่วมฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาลได้ มีปัจจัยสำคัญจากการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยพรรคมองว่าคุณหญิงสุดารัตน์แข็งกร้าวเกินไป ยากจะประสานกับพันธมิตรและรัฐบาล
คุณหญิงสุดารัตน์ เคยชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ในวันลาออกจากประธานยุทธศาสตร์พรรค โดยระบุว่า
“ต่อจากนี้ถึงแม้ดิฉันจะไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยแล้วก็ตาม แต่ดิฉันยังเป็นสมาชิกพรรคที่พร้อมจะยืนหยัดต่อสู้เคียงข้างกับพี่น้องประชาชนในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และร่วมผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญกับพี่น้องประชาชนให้สำเร็จ ตามแนวทางที่คณะกรรมการยุทธศาสตร์ได้เสนอไว้ทั้ง 5 ญัตติ”
มาถึงวันนี้คงไม่ใช่แล้ว ปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคคงยากจะเยียวยา จนทำให้คุณหญิงสุดารัตน์ตัดสินใจเดินออกไปจากบ้านที่สร้างมาด้วยมือ
อ่าน : อนุดิษฐ์ โพสต์ “ทำดีแล้ว…แม้ยังไม่ดีพอ แต่จะเดินหน้าต่อไป”
ที่ผ่านมาคุณหญิงสุดารัตน์ก็มุ่งมั่นตั้งใจสร้างรากฐานของพรรค เดินสายพบปะพี่น้องประชาชนตลอด โดยเฉพาะภาคอีสาน ฐานเสียงใหญ่ของพรรค รวมถึงการตระเวนช่วยหาเสียงให้ผู้ลงสมัครเป็นนายกฯอบจ.ในขณะนี้ แต่ถูกนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคสั่งห้ามเพราะกลัวกระทบต่อพรรค
คงมีคำถามว่า แล้วอนาคตคุณหญิงจะไปทางไหน คำตอบก็น่าจะเป็นตั้งพรรคการเมืองใหม่ เพื่อดำเนินกิจกรรมทางการเมืองตามเจตนารมณ์ ไม่แตกต่างจาก จาตุรนต์ ฉายแสง ที่เตรียมตั้งพรรคใหม่
