ในขณะที่มนุษย์กำลังวุ่นอยู่กับการลงทุนหาวัคซีนต้านไวรัสในห้องทดลองกว่า 200 แห่งทั่วโลก แม้ยังหาไม่เจอ แต่ประเด็นสนทนาเรื่องนี้มักจะวนเวียนอยู่กับเรื่อง ถ้าหาสูตรวัคซีนเจอ ความรู้นี้ต้องเปิดเผยให้เป็นสมบัติและความรู้สาธารณะหรือไม่
เรื่องนี้อารมณ์เกือบจะคล้าย Compulsory licensing หรือ CL ยาต้านโรคเอดส์หรือถ้าหาวัคซีนพบจากสารตั้งต้นที่มีอยู่ในครอบครองของบางประเทศเท่านั้นแล้ว โลกควรมีสิทธิ์เข้าถึงวัตถุดิบนั้นกันอย่างไร และถ้าผลิตวัคซีนได้เป็นจำนวนไม่มากเท่าที่ต้องใช้กับคน 7,000 ล้านคน
เราควรมีวิธีจัดการกับวัคซีนอันมีอยู่จำกัดนั้นด้วยวิธีใด
เงินอาจไม่ใช่คำตอบสุดท้ายแน่ แต่เงินคงเป็นคำตอบที่ถูกนำมาใช้เป็นกรณีแรก และคงมีใครต่อใครเสนอเงินตอบแทนที่สูงขึ้นๆ คู่ขนานกับเส้นทางแห่งการแย่งชิงไป
อาวุธและการใช้กำลังเข้ายื้อแย่งและคุ้มกันวัคซีนก็คงมาบ่อยพอๆ กับเงิน
วัคซีนปลอมคงถูกผลิตกันออกมาอย่างหลากหลาย และเข้าปะปนในตลาดอย่างรวดเร็ว
นี่คือสังคมมนุษย์ ที่เมื่อมีภัยมา มีโอกาสมา มนุษย์ก็จะทำอย่างนี้กันแทบจะทุกเรื่อง
เงินและอำนาจ ตลอดถึงกำลังรบ เป็นปัจจัยตัดสินเสมอมา
จะแย่งดินแดน จะแย่ง Rare Earth จะแย่งความเป็นเจ้าของอาวุธนิวเคลียร์ จะแย่งน้ำมัน ตลอดถึงจะแย่งหน้ากากอนามัยและเครื่องช่วยหายใจ
ก็แบบนี้
เดือน พ.ค. ปี 2563 ที่ผ่านมา อิสราเอลหันมาศึกษาว่าในเมื่อโลกทั้งใบถูกไวรัสโควิด-19 คุกคามถ้วนทั่วแล้วอาการของมนุษยชาติก็คงจะตอบสนองประมาณที่ผมเขียนสาธยายมาอย่างข้างต้นนี่แหละ
อิสราเอลทำเกษตรน้ำหยดมานานมากกว่าใคร ใช้วิทยาศาสตร์มาผสมกับการจัดการการเกษตรกลางทะเลทราย ทำระบบชลประทานโดยท่อจนปลูกไม้ดอกไม้ประดับส่งยุโรป!
เลี้ยงปลาค็อด ปลาแซลมอน ในถังน้ำพลาสติกเพื่อส่งขายในซูเปอร์มาร์เก็ตในยุโรป อเมริกา ปลูกส้ม ปลูกมัน ปลูกผัก ส่งออก
แต่ทั้งหมดนี้ อิสราเอลก็ใช้ผึ้งผสมเกสรตัวผู้ตัวเมีย ไม่ได้ต่างจากพื้นที่เพาะปลูกหรือป่าในที่อื่นของโลกอยู่ดี ผึ้งเป็นผู้ผสมเกสรกว่า 3 ใน 4 ของการติดผลในโลกนี้
โดยมีอุตสาหกรรมการเลี้ยงผึ้งที่คอยสนับสนุนพื้นที่เกษตร เพราะชาวสวนก็ชอบที่จะได้การผสมเกสรแล้วติดเป็นดอกเพื่อออกเป็นผล
คนเลี้ยงผึ้งก็ได้ผลิตภัณฑ์จากผึ้ง เช่น น้ำผึ้ง ขี้ผึ้ง และสารสกัดต่างๆ แต่ในสหรัฐ ค่านำรถบรรทุกขนผึ้งไปปล่อยในฟาร์มเพาะปลูกใหญ่ๆ ได้ราคาดีกว่าเก็บน้ำผึ้งขายอย่างมาก
บางช่วงในอดีต จีนและสหรัฐ ซึ่งเป็นทั้งผู้ผลิตและส่งออกสินค้าเกษตรรายใหญ่ของโลก มีผึ้งในประเทศไม่พอใช้งาน ถึงกับต้องนำเข้าผึ้งจากต่างประเทศมาร่วมปฏิบัติการชั่วครั้งชั่วคราวอยู่บ่อยๆ
แต่พอโควิดระบาด การปิดพรมแดนใส่มนุษย์จึงเท่ากับปิดพรมแดนใส่ผึ้งผสมเกสรที่เพาะเลี้ยงไว้ด้วย ผลผลิตของการเกษตรจากบางแหล่งผลิตของโลกอาจถดถอยอย่างที่ไม่เคยคาดกันมาก่อน
ในศตวรรษที่ผ่านมา ควันไอเสียจากเครื่องจักรเครื่องยนต์ การใช้ยากำจัดศัตรูพืช สารเคมีการเกษตร ไฟป่าจากมือมนุษย์ได้ทำลายผึ้งไปโดยไม่ตั้งใจ และจากไปอย่างเงียบๆ ในทุกทวีป
อิสราเอลพบว่าปริมาณผึ้งของโลกในทุกทวีปลดลงใกล้จะถึง 40% และเข้าใจดีว่า ถ้านักผสมเกสรดอกไม้มืออาชีพที่สั่งสมทักษะมานับล้านปีจะหายไป
อะไรจะเกิดขึ้นกับวงการเพาะปลูก อันเป็นต้นธารของระบบอาหารทั้งปวง ต่อให้โลกมีน้ำดิบที่สะอาดใช้กันเหลือเฟือได้
แต่พืชส่วนมากก็จะไม่อาจขยายพันธุ์ตัวเองได้ ถ้าไม่ถูกผสมเกสร มีที่ผสมจากลมพัดพา หรือจากฝีมือสัตว์อื่น แต่เทียบแชมป์อย่างผึ้งไม่มีทางทาบติด
จริงอยู่ว่าถ้าไม่มีพืชผัก ตลาดอาจบอกว่าให้กินเห็ดแทน แต่เห็ดก็ทดแทนพืชไม่ได้ในแง่วิตามิน และถ้าไม่มีหญ้า ไม่มีพืช ปศุสัตว์ทั้งหลายก็ไปต่อไม่ได้เช่นกันอยู่ดี
ถ้าไม่มีธัญพืช ไม่มีปศุสัตว์ ไม่มีผักหญ้า ไม่มีผลไม้
แล้วมนุษยชาติและสัตว์บกทุกชนิด จะอยู่กันต่อได้กี่นาน
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เคยกล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า “ถ้าผึ้งหมดจากโลกนี้ไปวันใด อีก 6 ปีต่อมา มนุษย์ก็จะหายไปหมดตามไป”
มนุษย์อาจจับสัตว์น้ำมากินแทนได้อีกระยะ แต่การประมงเกินขนาดและการปล่อยให้สารพิษ ตลอดจนขยะและไมโครบีตของพลาสติกที่เริ่มย่อยสลายไปในห่วงโซ่อาหารแพร่กระจายอย่างหนักในทะเลและแหล่งน้ำ ก็จะย้อนกลับมาเล่นงานมนุษย์อยู่ดี
อิสราเอลจึงหันมาทำการศึกษาผึ้งครับ
ผึ้งเป็นสัตว์สังคมเหมือนมนุษย์
ขยันขันแข็ง
แบ่งบทแบ่งหน้าที่
แต่ธำรงเป้าหมายใหญ่เดียวกัน
สามัคคีไม่มีแก่งแย่ง
ไม่มีผึ้งที่ยกพวกตีกันระหว่างรัง
ไม่มีการปิดรังทำปฏิวัติยึดอำนาจ
ไม่มีการปราศรัยทำแผนใต้ดิน
ไม่มีการขังใครไว้ในตะราง
และไม่มีการสะสมสมบัติส่วนตัว
ผึ้งตัวหนึ่งมีวงจรชีวิตที่ราว 21 วัน
ในเมืองไทย มีการใช้รังผึ้งมาแปะแขวนเป็นช่วงๆ เรียงกันไปไว้ใกล้กับแนวเขตป่าที่ช้างป่ามักออกมาลุยสวนผลไม้หรือพืชไร่ เพราะเสียงหึ่งของผึ้งเป็นฝูงโต เป็นเสียงที่ช้างทั้งโขลงรู้โดยสัญชาตญาณ ว่า …อย่าแหย็ม!!
มนุษย์เรียนเรื่องผึ้งมาตั้งแต่ประถมปลายกัน แต่ดูมนุษย์จะยังไม่เลียนแบบผึ้งกันมากเท่าที่ได้เรียนเรื่องผึ้ง
เม.ย. ปีนี้ แล็บในสหรัฐกำลังสนใจพิษจากเหล็กในผึ้ง ซึ่งร้ายแรงและมีฤทธิ์ในการกระตุ้นการทำงานของแอนติบอดีในตัวมนุษย์และเหยื่อให้ทำงานอย่างดุเดือด ว่าพิษนี้จะสามารถนำมาใช้อะไรกับการต่อสู้กับโควิด-19 ได้อีกบ้าง
อิสราเอล อธิบายว่า ผึ้งที่กินแต่น้ำหวานดอกไม้จากเกษตรแปลงเดี่ยว ปลูกแต่พืชอย่างเดิมๆ ไปนานเข้า สุขภาพของตัวผึ้งจะเริ่มลดแรงต้านทานต่อสิ่งแปลกปลอม เช่น ทนต่ออากาศที่เปลี่ยนแปลงได้น้อยลง ทนเชื้อโรคและต่อสู้กับไวรัสที่โจมตีได้น้อยลง
ในทางกลับกัน ถ้าผึ้งรังไหนได้รับน้ำหวานจากพืชพันธุ์หลากหลาย สุขภาพทั้งรังก็จะดี
อิสราเอลพบว่าในหนึ่งรัง จะมีผึ้งที่แหวกเหล่าอยู่เช่นกัน
มีตัวที่ไม่ขยัน เป็นโรค และขาดวินัยความรับผิดชอบ คล้ายมนุษย์ก็มี
แต่ผึ้งรังก็ไม่ได้ขับมันออกไป ไม่ขังมันไว้ แต่ดูจะมีวิธีบริหารทางสังคมเพื่อรักษาสุขภาวะของส่วนที่เหลือของรังอย่างน่าสนใจ
อิสราเอลติดตั้งกล้องวงจรปิดขนาดจิ๋ว มีคอมพิวเตอร์ AI คอยวิเคราะห์พฤติกรรมผึ้งทั้งรังว่ามีพัฒนาการอะไรต่อภัยคุกคาม เพื่อนำมาถอดเป็นความรู้ให้คิดและเข้าใจตาม
รวมทั้งพยายามดูว่าโควิด-19 จะทำให้ผึ้งป่วยหรือไม่ และถ้ามันเป็นตัวรับเชื้อแล้วบินกลับรัง แล้วรังเริ่มรู้การติดเชื้อ ระบบของรังจะตอบสนองอย่างไร
ถ้าผึ้งรับหรือสัมผัสกับเชื้อโควิด-19 แล้วมันจะมิกลายเป็นผู้ช่วยแพร่กระจายเชื้อให้เดินทางไกลขึ้นหรือ ?
แล้วแมลงต่างๆ ก็เป็นพาหะได้ด้วยหรือเปล่า เช่น แมลงวันที่ตอมอาหาร !!
ชักเหงื่อตกแล้วใช่มั้ยครับ ?
ผึ้งเป็นสัตว์สังคม มันไม่มีระบบ Social Distancing ไม่มีหน้ากาก แต่มันล้างมือไม้ ทำความสะอาดตัวมันสม่ำเสมอ
แต่ต้องเข้าใจว่าผึ้งหากินกลางวัน แล้วกลับมาอยู่รังดูทีวีเข้านอนด้วยกันทุกคืน
ข้อค้นพบใหม่จากรายงานข่าวของอิสราเอล บอกว่า ผึ้งที่ไม่สบายถูกแอบพาโดยพวกของมันไปลักลอบหลบสายตาของผึ้งยาม รังใกล้ๆ เพื่อเข้านอนที่อีกรังในแถวนั้นอย่างขาดความรับผิดชอบ!!!
ในขณะเดียวกัน ผึ้งที่รับรู้ว่ามีผึ้งป่วยอยู่ใกล้บริเวณ ก็เริ่มมีการสัมผัสตัวกันและกันน้อยลง จน AI จับสังเกตได้!!!
ตกลงผึ้งเลียนแบบแย่ๆ จากสังคมมนุษย์ หรือมนุษย์ควรเรียนรู้เรื่องดีๆ จากผึ้งก็ไม่ทราบละ แต่เราอาจต้องเรียนรู้จากอิสราเอลที่กำลังเรียนรู้จากผึ้งกันอีกทีในท่ามกลางความชุลมุนเรื่องโควิด-19 จริงๆ
ที่แน่ๆ ตอนนี้ กรุณาเริ่มทำกันได้เลย คือ คิดถึงสิ่งแวดล้อม ลดใช้สารเคมี ลดการปล่อยไอเสีย ลดการทำลายป่า รักษาต้นไม้ให้ดีๆ
และคิดถึงผึ้ง (ที่มีปีกบินได้) ทุกเช้าที่ตื่นนอนกันนะครับ…