มาตรการแจกเงินคนที่ไม่มีงานทำจากผลกระทบโควิด-19 ที่คณะรัฐมนตรีมีมติไปเมื่อวันอังคารที่ 24 มีนาคม ที่ผ่านมาให้จ่ายคนละ 5พันบาท เป็นเวลา 3 เดือน โดยตั้งเป้าว่า จะเยียวยา 3 ล้านคน รัฐบาลเตรียมเงินไว้แล้ว 45,000 ล้านบาท
ตอนแรกดูหมือนจะเป็นมาตรการที่ยิงตรงเป้าที่สุด เพราะแจกกันตรงๆถึงมือทันที แต่ครั้นลองมาดูใส้ในรายละเอียด กลายเป็นว่างานนี้จะมีผลกระทบตามมาอีกเพียบ คิดง่ายๆบ้านเรามีผู้ใช้แรงงาน ทั้งหมด 38.4 ล้านคน เป็นแรงงานในระบบ 19.7 ล้านคน ก็คือ บรรดาข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจทั้งหลาย คนพวกนี้ไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อยู่แล้วก็ทำงานกินเงินเดือนไป
นอกจากนี้ยังมีแรงงานในระบบตามมาตรา 33 ซึ่งเป็นพนักงานบริษัทเอกชนราว11.7 ล้านคนกลุ่มนี้ไม่เกี่ยว อีกกลุ่มคือเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 กลุ่มนี้เป็นคนที่เคยทำงานในบริษัทแล้วลาออกมาแต่ยังส่งประกันสังคม และมาตรา 40 คือแรงงานที่เข้าสู่ระบบประกันสังคมโดยสมัครใจ รวมกันอีก 5 ล้านคน ส่วนที่เป็นแรงงานนอกระบบ พ่อค้า แม่ค้า หาบเร่ แผงลอย วินมอเตอร์ไซด์คาดว่าจะมีราวๆ 9.5ล้านคน
ตอนแรกมีข่าวว่า คนที่จะได้รับเงินจะเป็นกลุ่มพวกแรงงานนอกระบบซึ่งเป็นกลุ่ม 9.5 ล้านคน อย่างไรก็ตามเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้แค่ 3 ล้านคน เท่ากับว่าคนที่อยู่ในกลุ่มนี้ที่เหลืออีก 6.5ล้านคนจะไม่ได้รับการช่วยเหลือ แต่ภายหลังกระทรวงคลังยืนยันว่า คนที่ได้รับสิทธิ์นี้ให้รวมถึงผู้ประกันตนตามมาตรา 39และมาตรา 40 ด้วย ดูแล้วยิ่งไปกันใหญ่
นั่นเท่ากับว่าจะมีคนมาแย่งเค้กก้อนนี้เพิ่มอีก 5 ล้านคน รวมเบ็ดเสร็จคนที่มีสิทธ์ที่จะได้รับการเยียวยา เพิ่มพรวดเป็น 14.5 ล้านคนทันที
ตรงนี้จะเป็นปัญหาว่ากระทรวงคลังจะมีกระบวนการพิจารณาอย่างไร ให้เกิด”ความรอบคอบ”และ”ชอบธรรม”กับทุกคน จะดูอย่างไรว่าใครเหมาะสมที่ได้เงินช่วยเหลือหรือจะพิจารณาว่าใครมาก่อนได้ก่อนซึ่งก็ไม่น่าจะใช่ หลักเกณฑ์รายละเอียดตรงนี้จะต้องเปิดเผยและต้องทำอย่างโปร่งใสจริงๆ คิดแค่นี้ก็ปวดหัวแล้ว
อีกเรื่องหนึ่งที่คนพูดวิจารณ์กันมากคือขั้นตอนในการดำเนินงานค่อนข้างใช้เวลานาน เพราะกว่าจะมีนโยบายออกมาก็นับว่าช้าแล้วยังต้องรอกระบวนการพิจารณาอีกเกือบๆอาทิตย์ อย่างเช่น ถ้าเปิดให้ผู้มีสิทธิ์ยื่นขอใช้สิทธิ์กับแบงก์รัฐ ไม่ว่าจะเป็น กรุงไทย ออมสิน จะมีขั้นตอนการดำเนินงาน 5-7วัน สมมติยื่นในวันที่ 28 มีนาคมที่จะเปิดให้ลงทะเบียนวันแรก จะต้องทนรอกว่าจะได้ใช้เงินอย่างเร็วที่สุดก็ราวๆวันที่ 2 -3เมษายนหรือมากว่านั้น
ตรงนี้น่าเห็นใจคนที่ต้องรอเพราะแต่ละวันของคนทำงานหาเช้ากินค่ำมันแสนจะทรมาน บางคนตกงานตั้งแต่ต้นเดือนแล้ว หรือถ้าจะนับวันที่มีผลกระทบจริงๆที่คนทำงานส่วนใหญ่เริ่มตกงานตั้งแต่วันที่ 18มีนาคมที่รัฐบาลสั่งปิดสถานบริการ สถานบันเทิง หากจะได้รับเงินต้นเดือนเมษายน
เท่ากับคนเหล่านี้ต้องอยู่อย่างมีไม่เงินใช้นานถึงครึ่งเดือน ลองนึกภาพดูว่าขนาดคนทำงานออฟฟิศเงินเดือนออกช้าแค่วันเดียวก็ทุรนทุรายทำอะไรไม่ถูก ซึ่งคนเหล่านี้ทำงานมีรายได้แบบเดือนชนเดือนก็แทบไม่พอกินอยู่แล้วจะอยู่อย่างไร
ไหนๆก็ไหนๆถือเสียว่ามาช้าดีกว่าไม่มา แต่ก็อดห่วงไม่ได้ ถ้าหากรัฐบาลยืนยันว่าจะแจกให้กับคน 3ล้านคน แต่คนที่รอรับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลมีมากถึง 14.5 ล้านคนรับรองว่างานนี้ชุลมุลวุ่นวาย โกลาหลอย่างแน่นอน ไม่อยากจะวาดภาพไปไกลหากบริหารจัดการไม่ดีจะถึงขั้นจราจลเล็กๆหรือไม่
คงต้องฝากกระทรวงคลังที่เป็นแม่งาน จะต้องเตรียมงบประมาณมาเพิ่ม อย่างน้อยๆไม่ต่ำกว่า 5แสนล้านบาท แต่ถ้าไม่รู้ว่าจะเอาเงินมาจากไหนก็ให้ตัดงบจากกระทรวงต่างๆแห่งละ 10 % ตามที่มีหลายคนเสนอมาก่อนนี้แล้ว เป็นทางออกที่ดีที่สุด