เมื่อเร็วๆนี้” คริสติน ลินการ์ด” อดีตหญิงเหล็กแห่ง”ไอเอ็มเอฟ”ออกมา ประกาศเปรี้ยงให้ประเทศจนๆเลิกจ้างบริษัทที่ปรึกษาระดับโลกได้แล้ว มาทำงานให้แล้วเสียเงินไปหลายสิบหลายร้อยล้านดอลลาร์โดยเปล่าประโยชน์ ซึ่งเธอหมายถึงบริษัทที่ปรึกษายักษ์ใหญ่ระดับโลก”แมคคินซีย์”กับ”บอสตัน คอนซัลติ้ง กรุ๊ป นั่นเอง
ปกติจะไม่ค่อยได้เห็นผู้นำองค์กรระดับโลกคนไหนกล้าออกมาท้าทายแบบเผ็ดร้อนเหมือน ลินการ์ดมาก่อน งานนี้คงทำให้หลายๆคนที่บูชาลัทธิที่ปรึกษาฝรั่งต้องหน้าหงายกันเป็นแถว ประเทศไทยเองทั้งบริษัทเอกชน หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ ก็จ่ายค่าทีที่ปรึกษาให้บริษัทฝรั่งแต่ละปีหลายพันล้านบาท
ในช่วงที่ประทศไทยเกิดวิกฤติต้มยำกุ้ง เป็นยุคทองของบริษัทที่ปรึกษาฝรั่งเข้ามาทำมาหากินโกยเงินจากบ้านเรากลับประเทศไม่รู้เท่าไหร่ทั้งรัฐวิสาหกิจ บริษัทขนาดใหญ่พากันแย่งตัวให้มาช่วยฟื้นฟูกิจการ ในการทำงานส่วนใหญ่บริษัทที่ปรึกษาเหล่านี้ก็จะมาเอาข้อมูลทั้งเอกสาร สัมภาษณ์ผู้บริหาร พนักงานในบริษัทที่ว่าจ้างทั้งหลายนำไปวิเคราะห์จัดระบบทำเป็นแผนให้คนไทยนำไปปฏิบัติ ไม่รู้ว่าถูกหรือผิดคนไทยก็หลับหูหลับตาทำตามคำแนะนำ
สูตรสำเร็จที่บริษัทที่ปรึกษาเหล่านี้แนะนำคือยุบบริษัทที่เห็นว่าไม่มีอนาคตไม่ทำกำไรทิ้งเพื่อลดค่าใช้จ่าย โดยไม่ได้คิดทางออกอื่นหรือเอาเรื่องความเดือดร้อนของพนักงานที่จะต้องตกงานมาคิดคำนวณ ตอนนั้นบริษัทที่ปรึกษาพวกนี้เข้าไปที่ไหน พนักงานเตรียมตกงานได้เลย
มีเรื่องเล่า ในช่วงวิกฤติต้มกุ้งบริษัทขนาดใหญ่ของไทยแห่งหนึ่งกรรมการบริษัทและผู้บริหารล้วนจบมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆของโลกจึงเชื่อมั่นบริษัทที่ปรึกษาฝรั่ง ตัดสินใจจ้างบริษัททีปรึกษาชื่อดังระดับโลกที่คนไทยคุ้นชื่อดีมาทำการวิเคราะห์ธุรกิจว่าจะออกจากวิกฤติที่บริษัทกำลังประสบได้อย่างไร
บริษัทที่ปรึกษารายนั้นศึกษาเสร็จก็ฟันธงต้องยุบบริษัทในเครือที่ทำธุรกิจเซรามิคทิ้งให้เหตุผลว่าไม่มีอนาคต เป็นตัวถ่วง แต่มีเอ็มดี.ดูแลธุรกิจเซรามิคคัดค้านไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ ยืนยันไม่ยอมให้ยุบและขอฟื้นฟูบริษัทเอง ซึ่งซีอีโอ.บริษัทแม่ก็น่ารักเชื่อมือลูกน้อง จึงตัดสินใจไม่ยุบและให้ลูกน้องทำแถมให้เงินลงทุนอีกจำนวนหนึ่งเพื่อเดินหน้าธุรกิจต่อไป
เอ็มดี.ท่านนี้เมื่อเจอซีอีโอ.ใจถึงเชื่อใจลูกน้องและเพื่อรักษาลูกน้องไม่ให้ตกงานก็กลับมาคิดว่าจะทำยังไงที่จะให้ธุรกิจในกลุ่มเซรามิคไม่ขาดทุนแถมต้องมีกำไร คิดอยู่หลายตลบพร้อมกับถามตัวเองว่าทำไมกระเบื้องเซรามิคต้องปูพื้นอย่างเดียว ทำไมไม่เอาไปปูฝาผนังบ้านด้วย
ด้วยความที่ส่วนตัวเป็นคนชอบศิลปะจึงไปศึกษาหาวิธีการว่าจะนำเอาศิลปะมาผสานกับแผ่นกระเบื้องเซรามิคได้อย่างไรเมื่อความคิดตกผลึกในที่สุดก็พัฒนาออกมาเป็นกระเบื้องเซรามิคที่เป็นงานศิลปะมีสีสันสวยงาม และไม่ใช่แค่วัสดุปูพื้นอีกต่อไปแต่คนนิยมเอาไปติดผนังครัว ผนังบ้านผนังห้องน้ำให้ดูสวยงาม อีกด้วย
ปรากฏว่ายอดขายกระเบื้องเซารามิคเพิ่มขึ้นทันทีสองสามเท่าตัวเพราะตลาดใหญ่ขึ้น ธุรกิจที่บริษัทฝรั่งบอกกว่าให้ยุบทิ้งกลับทำกำไรอย่างไม่น่าเชื่อ เพียงเพราะเอ็มดี.ไม่เชื่อบริษัทที่ปรึกษาแต่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองทำอยู่กับมือทุกวัน ว่ากันว่าผลงานจากการฟื้นฟูธุรกิจกลับมามีกำไรได้ทำให้ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย ต่อมาได้ดำรงตำแหน่งซีอีโอบริษัทแม่.ต่อจากซีอีโอ.คนที่เชื่อใจให้ทุนมาฟื้นบริษัทหลังจากที่เกษียณตัวเอง เรื่องนี้เป็นตำนานขององค์กรนั้นจนทุกวันนี้
นี่แค่หนึ่งตัวอย่าง ของคนไม่เชื่อบริษัทที่ปรึกษาบริษัทฝรั่งจนสามารถฟูบริษัทมีกำไร ลูกน้องไม่ต้องตกงาน หากทุกคนคิดอย่างนี้ ประเทศชาติไม่ต้องเสียค่าโง่ให้ฝรั่งปีละเป็นพันเป็นหมื่นล้านบาทแน่ๆ