Brexit ป่วนไม่เลิก จากพิษการเมืองอังกฤษหลังสภาผู้แทนราษฎรโหวตรับข้อตกลง Brexit เพื่อสกัดกั้นไม่ให้อังกฤษต้องออกจากสหภาพยุโรป (EU) โดยไม่มีข้อตกลง
แต่สภากลับโหวตคว่ำเกี่ยวกับช่วงเวลาเร่งด่วนให้การถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งยึดเป็นเส้นตายเดิมในวันที่ 31 ตุลาคมตามที่เป็นข้อยืนยันของบอริสจอห์นสัน เพื่อเลื่อน Brexit ออกไปเป็นวันที่ 31 มกราคม 2020 โดยมีข้อตกลง
ทำให้การเมืองอังกฤษยังคงเสี่ยงต่อการที่บอริสจอห์นสันนายกรัฐมนตรีที่ขู่ยุบสภาเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่หากสภาไม่ยอมรับรองข้อตกลง Brexit เพื่อออกจาก EU ภายในกำหนดเส้นตายเดิม
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาสมาชิกสภาสามัญชนหรือสภาผู้แทนราษฎรของอังกฤษได้ลงมติเห็นชอบต่อร่างกฎหมายการถอนตัวของอังกฤษออกจาก EU หรือ Brexit ฉบับใหม่ของบอริสจอห์นสัน ด้วยการโหวตเห็นด้วย 329 เสียงเห็นชอบขณะที่ 299 เสียงโหวตไม่เห็นชอบ
ขณะเดียวกันสถาผู้แทนฯกลับโหวตด้วยคะแนนเพียง 308 เสียงเห็นชอบต่อการอังกฤษจะออกจาก EU ตามกำหนดเดิมในวันที่ 31 ตุลาคม ส่วนคะแนนอีก 322 เสียงโหวตไม่เห็นชอบ ทำให้โอกาสที่อังกฤษจะ Brexit นั้นต้องถูกเลื่อนออกไปจากวันที่ 31 มกราคม 2020
นับเป็นความพยายามครั้งที่ 2 ของบอริสจอห์นสันที่ต้องการให้อังกฤษสามารถดำเนินการ Brexit ออกภายในกำหนดเส้นตายในวันที่ 31 ตุลาคมซึ่งเหลือเวลาเพียง1 สัปดาห์นับจากนี้หลังจากที่ต้องพ้ายแพ้ในครั้งแรกที่ไม่ได้เสียงโหวตใดๆจากสภาเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามผลการลงมติดังกล่าวบ่งชี้ว่าอังกฤษจะไม่สามารถแยกตัวออกจาก EU ตามกำหนดเดิมภายในวันที่ 31 ตุลาคมรวมทั้งหลีกเลี่ยงไม่ให้อังกฤษแยกตัวจาก EU แบบไม่มีการทำข้อตกลง (no-deal) แต่อังกฤษยังคงเผชิญกับความเสี่ยงที่บอริสจอห์นสันอาจประกาศยุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่ตามคำขู่ในช่วงก่อนหน้านี้
สถานภาพของบอริสจอห์นสันในเวลานี้ยังต้องเดิมพันกับการความเสี่ยงในการเป็นผู้นำอังหฤษโดยได้กล่าวต่อสภาถึงความรู้สึกผิดหวังอีกครั้งที่สภาผู้แทนฯโหวตให้กับการ Delay ของ Brexit ดังกล่าว ทั้งนี้รัฐบาลต้องใช้แนวทางขอความรับผิดชอบและเร่งเตรียมการสำหรับผลลัพธ์กับถอนตัวโดยไร้ข้อตกลงซึ่งนโยบายของรัฐบาลยังเหมือนเดิมคือการไม่ควรต้องเลื่อนอีกต่อไป
ในขณะนี้จึงต้องดูต่อไปว่า EU จะตัดสินใจตอบกลับคำร้องขอเลื่อน Brexit ของรัฐสภาอย่างไร ถึงแม้ว่าโดนัลด์ ทัสก์ ประธานคณะมนตรียุโรปกล่าวว่ากำลังพิจารณาคำขอเลื่อน Brexit ด้วยความจริงจัง
ทางด้านนักวิเคราะห์อย่างเช่น Citigroup คาดการณ์ว่าจะมีโอกาสลดลงในการเกิด no-deal ของสถานการณ์ Brexit พร้อมกับระบุว่าอังกฤษจะยังคงสามารถแยกตัวออกจาก EU อย่างเป็นระบบโดยจะมีช่วงเวลาการเปลี่ยนผ่าน 3 ปีจนถึงเดือนธันวาคม 2021-2023
สอดคล้องกับมุมมองของ Goldman Sachs ที่มีการปรับลดโอกาสที่จะเกิดสถานการณ์ Brexit โดยไร้ข้อตกลง no-deal นั้นมีเหลือเพียง 5% จากคาดการณ์เดิมที่ระดับ 10% รวมทั้งการแยกตัวของอังกฤษออกจาก EU จะเกิดขึ้นภายในวันที่ 31 ตุลาคมนี้