“อมแล้วดูดๆๆๆ”…เป็นท่วงทำนองเมโลดี้ประจำตัวของไอศครีมยี่ห้อวอลล์ ค่ายยูนิลีเวอร์ไทยเทรดดิ้ง หรือในชื่อดั้งเดิม “ลีเวอร์บราเธอร์(ประเทศไทย)” ซึ่งน่าจะคุ้นหูบรรดาแฟนพันธุ์แท้ไอศครีมยุคสมัยนี้เป็นอย่างดี
ยังจะมีใครจำได้มั้ย?..ยังจะมีใครรู้หรือไม่? ไอศครีมวอลล์มาจากไหน?..มายังไง?…งงละซิ!
ถ้าจะบอกว่าไอศครีมวอลล์ คือภาคออวตารของไอศครีมโฟร์โมสต์ หลายคนอาจจะยังทำตาเหม่อลอย พร้อมกับรำพึงรำพันงึมงำ…”มันอะไรกันวะ?”
[restrict] เรื่องของเรื่องนี้มีอยู่ว่า…เมื่อประมาณปี 2532 คุณวิโรจน์ ภู่ตระกูล ประธานกรรมการบริหาร บริษัทลีเวอร์บราเธอร์(ประเทศไทย) ตอนนั้น ได้เปิดห้องบอร์ดรูม โรงแรมสยามอินเตอร์คอนติเนนตัล ซึ่งปัจจุบันคือ ศูนย์การค้าสยามพารากอนและโรงแรมเคมปินสกี้ แล้วแถลงชี้แจงชะตากรรมการอวตารของไอศครีมโฟร์โมสต์ สู่มิติใหม่..ไอศครีมวอลล์
ตอนนั้นลีเวอร์ฯยอมเทกระเป๋าถึง 600 ล้านบาทซื้อไอศครีมโฟร์โมสต์ ซึ่งเป็นเจ้าตลาดไอศครีมหมายเลข 1 ของเมืองไทย เพื่อเปิดทางให้ไอศครีมวอลล์ได้แจ้งเกิด และไม่ได้แค่แจ้งเกิดแบบธรรมดาๆ แต่เป็นการแจ้งเกิดแทนที่เจ้าตลาด อันหมายถึง “เกิดปุ๊ป โตเป็นเจ้าตลาดปั๊บ” โดยไม่ต้องเสียเวลา..เสียงบประมาณตะเกียกตะกายทำตลาด ตามสไตล์ของนักบริหารและนักการตลาดชั้นเซียนเยี่ยงคุณวิโรจน์ ที่คิดใหญ่ ไม่คิดเล็ก กระทั่งบริษัทแม่ในอังกฤษยอมยกนิ้วให้ และเป็นบุคคลสัญชาติไทย เพียงหนึ่งเดียวที่บริษัทแม่ยอมให้รั้งบังเหียนเบอร์ 1 ในเมืองไทยตลอดระยะเวลานับตั้งแต่เข้ามาทำมาหากินในเมืองไทย
ผลลัพธ์จากการที่ไอศครีมโฟร์โมสต์ยอมสังเวยชีวิตปิดฉากธุรกิจ เปิดทางสะดวกให้ไอศครีมวอลล์โตแบบติดเทอร์โบ ส่งผลให้สาวกไอศครีมโฟร์โมสต์ขณะนั้นพากันบ่นเสียดายไปตามๆกัน
“ยักษ์คู่”-“บิ๊กดิ๊บ”-“นัตตี้”…ไอศครีมตัวเก่งของโฟร์โมสต์ ที่นักดูดดื่มไอศครีมหลงไหล อันตรธานหายไปพร้อมๆกับร้านไอศครีม “ศาลาโฟร์โมสต์” แถวอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-แถวโรงหนังเฉลิมไทย(ปัจจุบันคือลานพลับพลามหาเจษฏาบดินทร์)-แถวลาดหญ้าที่เคยเป็นแหล่งจ้างงานพาร์ทไทม์ของนักเรียนนิสิตนักศึกษา และเคยเป็นจุดนัดพบของคนหนุ่มคนสาวหรือแม้กระทั่งคนสูงวััย
ต้นทุน 600 ล้านบาท ที่ซื้อไอศครีมโฟร์โมสต์ไปฝังกลบ เพื่อปูทางสะดวกให้ไอศครีมวอลล์ได้เกิด อาจจะดูแพงเว่อร์ แต่ถึงวันนี้ต้องยอมรับในความคุ้มค่าเกินมูลค่าการลงทุนไปมหาศาล[/restrict]