คนบางคนไม่ต้องต่อสู้ดิ้นรนอะไรมาก ก็มีเงินทองกองไว้ให้ตั้งแต่เกิด แต่คนจำนวนหนึ่งมีเงินทองกองท่วมหัวด้วยกำลังแรงและมันสมองของตนเอง
หากเราศึกษาประวัติของคนที่ประสบความสำเร็จด้วยตนเองจะพบว่าส่วนใหญ่แล้วเคยล้มเหลวมาก่อนเช่นเดียวกับนักลงทุนที่ร่ำรวยจากตลาดหุ้นหลายต่อหลายคนก็เคยผิดพลาดจากการลงทุนมาแล้ว
อย่างไรก็ตาม ความผิดพลาดหรือล้มเหลวจะไม่เกิดประโยชน์อะไร หากเราไม่ใช้มันเป็นบทเรียน เพื่อปรับเปลี่ยนวิธีคิด และปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
[restrict]ความผิดพลาดจากการลงทุนในหุ้นเกิดจากอะไรได้บ้าง…มาดูกันครับ
อย่างแรกก็คือ ใช้เงินร้อนมาลงทุน ซึ่งผิดหลักการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง หรือสินทรัพย์ที่มีราคาเปลี่ยนแปลงรวดเร็วในเวลาสั้นๆ เงินที่ใช้ลงทุน ควรเป็นเงินออม หรือเงินเก็บ ที่เมื่อตัดสินใจลงทุนไปแล้ว สามารถรอระยะเวลาที่จะก่อดอกออกผลได้ เพราะหุ้นมีขึ้นมีลง ไม่ได้ขึ้นขาเดียว ถ้าจังหวะที่เราเข้าซื้อเป็นจังหวะที่มีเหตุการณ์ใดๆ เข้ามากระทบในด้านลบต่อตลาดหรือต่อหุ้นตัวนั้น และทำให้ราคาหุ้นปรับลงในระยะสั้นๆ เราจะต้องไม่ตื่นตระหนกจนรีบขายขาดทุน
เหตุแห่งความผิดพลาดอีกประการหนึ่งก็คือ ไม่มีความรู้และข้อมูลที่เพียงพอในการเลือกหุ้น ทำให้เข้าไปติดหุ้น เช่น หุ้นบางตัวที่ผู้ถือหุ้นใหญ่เดิมอยากจะขายออกใจจะขาด เพราะเขารู้ดีกว่าธุรกิจนั้นเข็นอย่างไรก็ไม่ขึ้น เป็นธุรกิจในกลุ่มอาทิตย์ตกดิน แต่เมื่อจะขายออกก็ขอให้ได้ราคาดีๆ หน่อย ก็ต้องอาศัยการปล่อยข่าวที่จะจูงใจให้มีคนเข้ามาซื้อ เมื่อมีคนหลงเชื่อเข้ามาซื้อตามข่าวลือข่าวลวง และผู้ถือหุ้นใหญ่เดิมลดสัดส่วนของตัวเองไปเรื่อยๆ โดยไม่กลับมารับกลับ นั่นแหละครับที่เป็นสาเหตุของการสร้างดอยให้กับผู้ถือหุ้นรายย่อยที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่
นักลงทุนบางคนก็ตัดสินใจผิดพลาดเพราะไม่รู้เท่าทันข่าวสารที่เผยแพร่ทางสื่อมวลชน
เราต้องยอมรับนะครับว่า สื่อมวลชนเขามีเวลาไม่มากนักในการกลั่นกรองข้อเท็จจริงของคำให้สัมภาษณ์ของแหล่งข่าว ดังนั้น จึงมีโอกาสที่จะตกเป็นเครื่องมือในการปล่อยข่าวเพื่อสร้างความเข้าใจผิดๆ ให้กับผู้ลงทุนได้ วิธีการป้องกันตัวเองของผู้ลงทุนที่จะไม่ให้ตกเป็นเหยื่อในกรณีนี้ก็คือ ลงทุนเฉพาะในหุ้นที่ตัวเองมีความเข้าใจในธุรกิจปัจจุบันและสามารถประเมินทิศทางในอนาคตได้
มันไม่น่าจะถูกต้องนะครับ ถ้าเวลาที่เราจะตัดสินใจซื้อของอะไรซักอย่าง ราคาไม่กี่พัน ต้องคิดแล้วคิดอีก เปรียบเทียบคุณภาพ ราคา และอะไรอีกสารพัด แต่เวลาที่ซื้อหุ้นหลักหมื่นหลักแสน กลับไม่ศึกษาหาข้อมูลอะไรเลย
อีกสาเหตุหนึ่งของความล้มเหลวก็คือ เชื่อมั่นในทฤษฎีมากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นทฤษฎีที่ว่าด้วยการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานหรือการวิเคราะห์ทางเทคนิค ซึ่งหลายครั้งหลายหนที่การเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นไม่ได้เป็นไปตามนั้น มิเช่นนั้นเราคงไม่ได้ยินวลีที่ว่า “หักปากกาเซียน” ซ้ำแล้วซ้ำอีก เพราะนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ก็วิเคราะห์ตามทฤษฎีซึ่งผิดกันมานักต่อนักแล้ว
ถ้าใครเคยผิดพลาดจากการลงทุนจงทบทวนดูว่าผิดพลาดเพราะอะไรแล้วนำบทเรียนนั้นมาแก้ไขซึ่งหากไม่คิดที่จะล้มเลิกไปเสียก่อนโอกาสที่จะได้ลิ้มรสความหอมหวานแห่งความสำเร็จย่อมมีอย่างแน่นอนครับ[/restrict]