ชะตากรรมประเทศไทย..พลเมืองไทยตอนนี้ ต้องนับว่าโคจรอยู่บนความเสี่ยง..อาการน่าเป็นห่วงเป็นกังวลอย่างยิ่ง !
เพ้อเจ้อหรือเปล่า ? ล้อเล่นหรือเปล่า ?
ความเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายของพวกเราชาวไทยยามนี้ เป็นเรื่องจริงๆ ไม่มีติงนัง โดยมีเหตุผลยืนยันให้เห็นชัดเจนเป็นรูปธรรมหลายประการ…
ประการแรก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค โดยศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ที่ลดลงซ้ำแล้วซ้ำเล่า 7 เดือนต่อเนื่องกัน นับจากเดือนกุมภาพันธ์ 2562 เป็นต้นมา แถมดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนล่าสุดคือเดือนสิงหาคม 2562 ยังอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี
[restrict]ประการที่ 2 รายได้จากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งเป็นดัชนีบ่งชี้กำลังซื้อชาวบ้านชาวเมืองในประเทศ (domestic consumtion) ก็อยู่ในสถานะ “ติดลบ”
อาการที่รายได้ภาษีมูลค่าเพิ่มติดลบ คือ สัญญาณบ่งบอกว่ากำลังซื้อชาวบ้านชาวเมืองอยู่ในภาวะ “อ่อนระโหยโรยแรง” อย่างยิ่ง
ประการที่ 3 สัดส่วนหนี้สินภาคครัวเรือนต่อจีดีพี ที่ขยายตัวโตวันโตคืนขึ้นมาแตะระดับ 13 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 80% ต่อจีดีพี
ประการที่ 4 แนวโน้มการส่งออก ส่อเค้าฉายแววอับเฉาถึงขั้นอาจขยายตัว “ติดลบ” อันเนื่องมาจากสงครามการค้าสหรัฐ-จีน และความขัดแย้งระหว่างอินเดีย-ปากีสถาน…..ความขัดแย้งระหว่างญี่ปุ่น-เกาหลีใต้
นอกเหนือจาก 4 ปัจจัยเสี่ยงที่มีผลกระทบทางลบต่อชะตากรรมพลเมืองไทย ยังมีความโน้มเอียงสูงยิ่งที่จะถูกกระแทกกระทั้นอย่างแรงจาก “ความมัวหมอง” ของรัฐบาล อันเนื่องมาจาก “รมต.เปื้อนยา” ที่กำลังเป็นที่โจษขานฉาวโฉ่ไปทั่วโลก
มลทินรัฐบาลจาก รมต.เปื้อนยา ก่อเกิดความเสี่ยงมหันต์ที่ประเทศไทย อาจถูกประชาคมโลกพร้อมใจกัน “คว่ำบาตร” ปฏิเสธการคบค้าสมาคม แล้วหันไปคบค้าสมาคมกับประเทศเพื่อนบ้าน…ปล่อยประเทศไทยให้อมทุกข์อยู่กับ รมต.เปื้อนยา
โครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) ที่รัฐบาลหมายมั่นปั้นมือดึงดูดเงินลงทุนมหาศาลจากนานาอารยประเทศ ในที่สุดอาจต้องกลายเป็น “หม้ายเงินลงทุน”
ยิ่งไปกว่านั้นยังจะต้องเจอกับความเสี่ยงจากการถูกฟิตซ์เรทติ้ง-สแตนดาร์ดแอนด์พัวร์-มูดีส์อินเวสเตอร์เซอร์วิส ทุบระดับความน่าเชื่อถือให้ต่ำลง
นายกรัฐมนตรียังจะเห็นว่าเรื่อง รมต.เปื้อนยา เป็นเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้งอยู่อีกหรือไม่ ถ้าเห็นชัดเจนถึงผลเสียร้ายแรงมันสาหัสสากรรจ์ขนาดนี้ ![/restrict]
