ฉับพลันทันใดที่เรื่องราวการผสมพันธุ์ระหว่างกลุ่มเอ็มเค กับ กลุ่มแหลมเจริญซีฟู้ดฟุ้งกระจายออกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทำเอาขบวนการ “คึกฤทธิ์-คิดลึก” ถึงกับตื่นตะลึงตึงๆ …. เกิดอะไรขึ้นเหรอ ???
รายการนี้ไม่มีใครต้องบาดเจ็บล้มตาย แต่ผลลัพธ์จากรายการนี้ทำให้ต่างฝ่ายต่างอู้ฟู่ฟูฟ่องยิ่งขึ้น…เข้าทำนอง “Win-Win” ได้ทั้งคู่ดีทั้งคู่
ตามข้อมูลที่เอ็มเคแจ้งไปยังตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2562 บอกถึงการเข้าลงทุนในแหลมเจริญฯ ผ่านบริษัทลูกคือ บริษัท คาตาพัลท์ จำกัด โดยการเพิ่มทุนให้แก่ บริษัท คาตาพัลท์ จำกัด จาก 1 ล้านบาท เป็น 2,070 ล้านบาท แล้วเข้า บริษัท คาตาพัลท์ จำกัด หยอดเงินจำนวน 2,060 ล้านบาท เข้าไปถือหุ้น 65% ในแหลมเจริญฯ
[restrict] ลักษณะดีลแบบนี้ดีต่อฝ่ายเอ็มเค ซึ่งอุดมสมบูรณ์ด้วยรายได้และผลกำไรที่ดีวันดีคืนเย้ยหยามหยันเศรษฐกิจสะบักสะบอม กระทั่งมีเงินสดอัดแน่นตุงกระเป๋าเฉียดๆ 1 หมื่นล้านบาท ได้โอกาสใช้เงินสดไปทำงานต่อเงิน แทนที่จะปล่อยนอนนิ่งกินเศษดอกเบี้ยเงินฝาก แถมยังช่วยเสริมใยเหล็กทางธุรกิจให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ด้วยสายผลิตภัณฑ์ (Product Line) และชนิดผลิตภัณฑ์ (Product Item) ที่หลากหลายมากขึ้น ภายใต้ต้นทุนการบริหารจัดการแบบองค์รวมที่น่าจะต่ำลงนั่นย่อมหมายถึงโอกาสทำกำไรที่ดีอยู่แล้วจะดียิ่งขึ้นไปอีก
ข้างฝ่ายแหลมเจริญซีฟู้ด ที่ขยับขยายต่อยอดร้านอาหารทะเลจากต้นกำเนิดที่ปากน้ำเมืองระยอง เข้ามาล้วงเงินในกระเป๋าคนเมืองหลวง เมื่อมาผสมพันธุ์กับเอ็มเค อุปมาเหมือน “ปลากระพงทอดน้ำปลาแผ่ครีบติดปีก” … เปิดโอกาสให้โตได้แบบไร้พรมแดน
อย่างน้อยที่สุด มูลค่าเงินลงทุน 2,060 ล้านบาทของอ็มเค ผ่าน บริษัท คาตาพัลท์ จำกัด คิดเป็น 65% ของหุ้นแหลมเจริญฯ ทำให้ได้รู้แจ้งเห็นแจ่มถึงมูลค่าธุรกิจแหลมเจริญฯ ในทันทีทันใดว่าอยู่ที่ 3,169.23 ล้านบาท
ปรากฏการณ์ใหม่ที่จะเกิดขึ้นภายหลังเอ็มเคและแหลมเจริญฯ ผสมพันธุ์กันเสร็จเรียบร้อย ในสิ้นปี 2562 นี้ น่าจะเป็นมิติใหม่ … สาขาใหม่ๆ ภายใต้ชื่อแหลมเจริญซีฟู้ด-เดอะเคป บายแหลมเจริญ-แหลมเจริญโฮมคาเฟ่ ซึ่งจะเติบโตเคียงคู่ไปกับเอ็มเคสุกี้-เอ็มเคโกลด์-เอ็มเคไลฟ์-ยาโยอิ-ฮากาเตะ-มิยาซากิ-เทนจิน-ณ สยาม-เลอสยาม-เลอเพอทิท
รายได้รวมปี 2563 ของกลุ่มเอ็มเค หลังจากผนวกกลุ่มแหลมเจริญฯ น่าจะทำสถิติทะลุ 20,000 ล้านบาทเป็นครั้งแรกก็เป็นได้….เชื่อไม่เชื่อต้องอดใจรอลุ้นกันต่อไป ![/restrict]