HomeEditor's Pickดัชนีใหม่ Volfefe Index วัดทวิตเตอร์"ทรัมป์"เขย่าตลาดหุ้น-เงิน ชี้ยิ่งทวิตมากยิ่งปั่นป่วน

ดัชนีใหม่ Volfefe Index วัดทวิตเตอร์”ทรัมป์”เขย่าตลาดหุ้น-เงิน ชี้ยิ่งทวิตมากยิ่งปั่นป่วน

JP Morgan Chase ออกดัชนีวิเคราะห์ทวิตเตอร์ของ”ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” ที่มีต่อทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐ และส่งผลกับเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นมาก ดัชนีดังกล่าวเรียกชื่อว่า Volfefe เป็นดัชนีเพื่อสะกดรอยตามทวิตเตอร์ของผู้นำสหรัฐนั่นเองป์

ทั้งนี้  JP Morgan Chase ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐได้สร้างดัชนีเพื่อวิเคราะห์ผลกระทบต่ออัตราดอกเบี้ยสหรัฐ หรือเรียกว่า Volfefe Index หลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์มักส่งความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์ ข้อความที่เป็นการเรียกร้องหรือคำสั่งผ่านทวิตเตอร์ ซึ่งมักจะส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของตลาดการเงินสหรัฐทั้งเชิงบวกและลบ

JP Morgan Chase ระบุว่า นับตั้งแต่ที่ประธานาธิบดีทรัมป์ชนะการเลือกตั้งเมื่อปี 2016 ได้ทวีตข้อความเฉลี่ยมากกว่า 10 ข้อความต่อวัน ขณะที่มีผู้ติดตามในทวิตเตอร์ 64 ล้านคน

สำหรับช่วงเวลาที่ประธานาธิบดีทรัมป์ทวีตข้อความมากที่สุดอยู่ในช่วง 12.00-14.00 น.ตามเวลาสหรัฐ และมีการทวีตบ้างในเวลา 03.00 น. ขณะที่คาดว่าช่วงเวลานอนหลับพักผ่อนอยู่ในเวลา 05.00-10.00 น. เนื่องจากประธานาธืบดีทรัมป์แทบไม่มีการส่งข้อความในทวิตเตอร์ช่วงเวลาดังกล่าว

- Advertisement -

[restrict]นับตั้งแต่ต้นปีนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้เปิดฉากโจมตีธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่มีการขึ้นดอกเบี้ยถึง 4 ครั้งในปี 2018 และยังกล่าวโจมตีเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ที่ไม่ดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายเพื่อสนับสนุนการทำงานของรัฐบาล ซึ่งกำลังทำสงครามการค้า (Trade War) และสงครามค่าเงิน (Currency War) กับจีน

พร้อมกันนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้เรียกร้องให้คณะกรรมการเฟดดำเนินการลดดอกเบี้ย และกลับมาใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินเชิงผริมาณ (QE) เพื่อให้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทพุ่งขึ้นอย่างมีความแข็งแกร่ง และยังสร้างเชื่อมั่นต่อนักลงทุนที่พากันวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ จนอาจจะเกิดภาวะถดภอย

โดยตลอดระยะเวลาหลายเดือนในการกล่าวโจมตีของผู้นำสหรัฐที่มีต่อการทำงานของเฟดได้ส่งผลต่อความผันผวนในตลาดหุ้นและตลาดบอนด์ที่มีความอ่อนไหวอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในเดือนสิงหาคมได้เกิดวิกฤติในตลาดบอนด์รัฐบาลสหรัฐ จนส่งผลต่อการดิ่งตัวลงอย่างหนักของตลาดหุ้นวอลล์สตรีท

ทั้งนี้ การสร้างดีชนี Volfefe ของ JP Morgan Chase สามารถอธิบายความเคลื่อนไหวที่เป็นความผันผวนของอัตราผลตอบแทนบอนด์รัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ซึ่งเป็นบอนด์ระยะสั้น แต่กลับให้ผลตอบแทนสูงกว่าอัตราผลตอบแทนบอนด์รัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ซึ่งเป็นบอนด์รัฐบาลระยะยาว

จนเกิดภาวะที่เรียกว่า Inverted Bond Yield ซึ่งนำไปสู่ความกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession) ในอีกระยะ 12-18 เดือนข้างหน้าคือในปี 2020 ส่งผลให้นักลงทุนมีการเทขายหุ้นอย่างถล่มทลาย

ดังนั้น Volfefe Index จึงเป็นดัชนีที่สะกดรอยตามทวิตเตอร์ของประธานาธิบดีทรัมป์ เกี่ยวกับการทำงานของเฟดได้ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นวอลล์สตรีทอย่างมาก โดยก่อนหน้านี้ Bank of America Merrill Lynch ได้ทำรายงานสถานการณ์ในตลาดการเงินสหรัฐ เมื่อวันใดก็ตามที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ทวีตข้อความในทวิตเตอร์ วันนั้นตลาดหุ้นมักจะมีผลตอบแทนเป็นลบ

รายงานระบุว่า ตั้งแต่ปลายปี 2016 ประธานาธิบดีทรัมป์มีการทวีตมากกว่า 35 ข้อความ หรือประมาณ 90% ของข้อความที่มีการทวีตนั้น ตลาดหุ้นจะมีผลตอบแทนเป็นลบ แต่ในวันที่มีการทวีตน้อยกว่า 5 ข้อความ ผลตอบแทนจะเป็นบวก จึงถือว่าตัวเลขทางสถิติดังกล่าว ล้วนมีนัยสำคัญต่อการจับตาการส่งข้อความจากทวิตเตอร์ของประธานาธิบดีทรัมป์[/restrict]

Business Today
Business Todayhttps://businesstoday.co
Supporting Thailand's business communities./ FB Page: Business Today Thai/ Social: Business Today Thai (สำหรับ Twitter, YouTube, Telegram)/ LINE: @Business today/ เว็บที่เกี่ยวข้อง: Thailand Today: www.thailandtoday.co/ FB: Thailantoday.co (English)/ Thailand Today News: www.thailandtoday.news/ FB: Thailandtoday.news (Mandarin Chinese)

Latest

ติดตามข่าวสารอัพเดททันใจจาก Businesstoday ได้โดยกรอกอีเมลด้านล่าง

Related News