หุ้นดิ่งทั่วโลกในเช้าวันจันทร์ นำโดย Dow Futures ดิ่งกว่า 1,200 จุดเช่นเดียวกับ Nikkei 225 ดิ่งหนักถึง 1,176 จุด ตามด้วยหุ้นหั่งเส็งฮ่องกงดิ่งกว่า 916 จุด ท่ามกลางการแพร่ระบาดทั่วโลกของไวรัสโคโรนากว่า 100,000 ราย
ขณะที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกดิ่งลงถึง 30% เนื่องจากสงครามราคาน้ำมันที่ซาอุดิอารเบียไม่สามารถมีข้อยุติกับรัสเซียเกี่ยวกับการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน ทำให้ซาอุดิอารเบียดัมพ์ราคาน้ำมันเพื่อสร้างกระแสในสงครามราคา
ส่งผลให้ราคาน้ำมันในตลาดเวสต์เท็กซัส (WTI) ดิ่งลง 13.07 ดอลลาร์ หรือ 31.66% สู่ระดับ 28.21 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ดิ่งลง 13.14 ดอลลาร์ หรือ 29.03% สู่ระดับ 32.13 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สวนทางราคาทองที่มีการเคลื่อนไหวอย่างผันผวนพุ่งทะลุ 1,702 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนที่จะมีการเทขายทำกำไรปรับตัวลดลงซื้อขายที่ 1,671 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยพลิกกลับมาติดลบ 0.47% แตะระดับ 1,663 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ส่วนเงินเยนแข็งค่าขึ้น 2.53% แตะ 102.61 เยนต่อดอลลาร์ ตรงข้ามกับเงินดอลลาร์ออสเตรเลียและดอลลาร์นิวซีแลนด์ที่ร่วงลงในวันจันทร์ว้นเดียว 2.60% และ 2.28% ตามลำดับ
โดยที่ทิศทางของเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นอย่างผันผวนเมื่อเทียบกับสกุลเงินทั่วโลก ยกเว้นเงินเยนญี่ปุ่น และเงินหยวนที่กลับมาแข็งค่าแตะ 6.9407 หยวนต่อดอลลาร์
ขณะเดียวกับที่อัตราผลตอบแทนบอนด์รัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีร่วงลงต่อที่ระดับ 0.517% ทำสถิติต่ำสุดเป็นประวัติการณ์รายวัน รวมถึงผลตอบแทนบอนด์รัฐบาลสหรัฐอายุ 30 ปีที่ร่วงลงหนักต่ำกว่าระดับ 1% เป็นประวัติการณ์เช่นเดียวกัน
ความตกต่ำดังกล่าว ยังคงกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลดดอกเบี้ยลงอีก 0.5% สู่ระดับใกล้เคียง 0% อีกครั้ง เนื่องจากนักลงทุนยังคงความกังวลต่อการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาจะผลกระทบกับเศรษฐกิจที่มีความเสี่ยงจะเกิดแนวโน้มถดถอย
ความมันผวนยังคงเกิดขึ้นกับการซื้อขายทั้งในตลาดหุ้น-บอนด์ รวมถึงตลาดคอมมอดิดี้ส์ทั้งทองคำ-น้ำมัน และตลาดอัตราแลกเปลี่ยนทั่วโลก ท่ามกลางสถานการณ์ที่คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน เปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคมมีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในจีนเพิ่มขึ้น 22 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตทั่วประเทศเพิ่มเป็น 3,119 ราย ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 40 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น 80,735 ราย
สำหรับผู้ตืดเชื้อไวรัสโคโรนาทั่วโลกเฉียดระดับ 100,00 รายที่จำนวน 98,387 ราย โดยเฉพาะเกาหลีใต้และอิตาลีที่พบจำนวนผู้ติดเชื้อมีอัตราเพิ่มขึ้นจำนวนถึง 6,284 และ 3,858 รายตามลำดับ รวมทั้งในสหรัฐที่มีจำนวน 233 ราย โดยพบว่าในกรุงวอชิงตันดีซี มีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนารายแรกแล้ว หลังจากที่มีประกาศภาวะฉุกเฉินในรัฐแคลิฟอร์เนียและนิวยอร์ก
ความผันผวนของตลาดหุ้นอย่างรุนแรงได้เกิดขึ้นกับดัขนีหุ้นไทยที่ดิ่งลงหนักสุดในรอบ 4 ปีถึง 92.37 จุด หรือมากกว่า 5.65% หลุดระดับ 1,300 สู่ 1,272.20 หลังจากที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเปิดซื้อขายในวันนี้ร่วงลงอย่างรุนแรง นำโดย Dow Futures ดิ่งลงถึง 1,238 จุดหรือ 4.8% สู่ระดับ 24,551 ดัชนี S&P Futures ดิ่งลง 4.89% และ Nasdaq Futures ดิ่งลง 4.82%
นอกจากนี้ ทั้วโลกยังคงจับตามองที่ปัญหาสงครามราคาน้ำมัน จากการที่ซาอุดิอารเบียดัมพ์ราคาขายลงมา หลังจากที่ราคาน้ำมัน WTI ดิ่งลงต่ออีก สู่ระดับต่ำสุดที่ 27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ร่วงลงต่ำกว่า 15 ดอลลาร์หรือมากกว่า 35% จากเมื่อเมื่อวันศุกร์ ก่อนที่ล่าสุด จะพยายามทรงตัวซื้อขายที่ราคา 29.95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เป็นการปรับตัวลดลง 27.35%