ปิดจ๊อบเก็บฉากลาจอกันไปเรียบร้อยโรงเรียน กสทช.แล้ว สำหรับ 7 ช่องทีวีดิจิตอลที่ได้สิทธิพิเศษให้ได้รับเงินทอน ตามคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 4/2562
ผลพวงจากการคืนช่อง ทำให้จำนวนช่องทีวีดิจิตอลเพื่อธุรกิจการค้าในระบบใบอนุญาต ที่เริ่มต้นด้วยจำนวน 24 ช่อง ซึ่งประกอบไปด้วยกลุ่มช่องประเภทเอชดี 7 ช่อง กลุ่มช่องประเภทเอสดี 7 ช่อง กลุ่มช่องประเภทข่าว 7 ช่อง และกลุ่มช่องประเภทเด็กและครอบครัว 3 ช่อง คงเหลือสุทธิเพียง 15 ช่อง
ในจำนวน 15 ช่อง ที่ยังมีลมหายใจอยู่ ไม่มีกลุ่มช่องเด็กและครอบครัวเหลืออยู่แม้แต่ช่องเดียว…ทั้ง 3 ช่องตายเรียบด้วยความอเน็จอนาถในเชิงของเรทติ้งกระแสนิยม ไม่ว่าจะเป็นช่อง 13-14 หรือ 15 โดยที่ช่อง 15 ซึ่งอยู่ใต้บังเหียน”เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล” ได้ชิงตัดช่องน้อยปล่อยจอมืดไปก่อนใครเพื่อน พร้อมกับช่อง 17 ที่อยู่ในกลุ่มช่องประเภทข่าว
[restrict]ปรากฏการณ์”จอมืด”ของสมรภูมิทีวีดิจิตอล ไม่เพียงกระทบจำนวนช่องทีวีที่ลดน้อยถอยลง แต่ยังส่งกระทบหนักหนาสาหัสต่อคนที่ผูกพันชีวิตอยู่กับช่องทีวีที่จอมืด ที่ต้องตกงาน กลายสภาพเป็นคนว่างงาน
คนทีวีตกงานบางคน เปลี่ยนไปประกอบอาชีพอื่น เพื่อประทังชีวิต และสุดท้ายต้องจบชีวิตบนท้องถนน ท่ามกลางความโศกสลดของเพื่อนร่วมวิชาชีพ
วิถีชีวิตผู้ประกอบวิชาชีพในแวดวงทีวีที่ต้องผจญวิบากกรรมตามยะถากรรม หลังถูกเลิกจ้าง โดยนักบริหารผู้กำหนดนโยบาย ต่างกันลิบลับกับผู้กำหนดนโยบาย ทั้งที่ความเฮงซวยห่วยแตกทั้งหลายล้วนมาจากการกำหนดและขับเคลื่อนนโยบายที่ผิดพลาดของบรรดานักบริหารทั้งสิ้น
บรรดา 15 ช่องที่เหลืออยู่ตอนนี้ ประกอบด้วยกลุ่มช่องประเภท เอชดี 7 ช่องครบถ้วน คือช่อง 30-31-32-33-34-35-36 ขณะที่กลุ่มช่องประเภทเอสดี เหลือรอดจำนวน 5 ช่อง คือช่อง 23-24-25-27-29 ส่วนกลุ่มช่องประเภทข่าว เหลืออยู่ 3 ช่อง คือช่อง 16 -18-22
ทั้ง 15 ช่องที่กัดฟัน”ไปต่อ” แม้จะไม่ได้รับ”เงินทอน”จาก กสทช. แต่ได้รับการสมนาคุณ”ฟรี”จาก กสทช. ชนิดจัดหนักจัดเต็มชุดใหญ่ไฟกะพริบ
“ฟรี”ค่าต๋งใบอนุญาตตลอดอายุ 10 ปีที่เหลือ…”ฟรี”ค่า Mux และ ค่า Must Carry เบ็ดเสร็จเรียบร้อยคิดเป็นมูลค่าการสมนาคุณรวมกัน 15 ช่องกว่า 19,000 ล้านบาท โดยกลุ่มช่องประเภทเอชดี ที่ประมูลจ่ายค่าต๋งแพงสุด ได้รับสมนาคุณเป็นมูลค่ามากสุดเฉลี่ยช่องละประมาณ 1,900 ล้านบาท ขณะที่กลุ่มช่องประเภทเอสดี ได้รับสมนาคุณรองลงมาเฉลี่ยช่องละประมาณ 720 ล้านบาท และกลุ่มช่องประเภทข่าว ได้รับสมนาคุณน้อยสุด เฉลี่ยช่องละประมาณ 700 ล้านบาท
คณะบุคคลสายพันธุ์ผู้บริหารช่องทีวีทั้งหลายดูจะยังคงระริกรี้กับการปั้นฝันลมๆแล้งๆแบบ”คิดเองเออเองอวยเอง”ไม่ต่างอะไรกับเมื่อครั้งแรกเริ่มเปิดปฐมบททีวีดิจิตอล 5 ปีก่อน โดยมิได้ศึกษาวิเคราะห์ประเมินความล้มเหลวเละเทะที่เกิดขึ้นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
ใช่ซิ! พวกมนุษย์สายพันธุ์นี้ จัดเป็นอภิสิทธิ์ชน ไม่ต้องรับกรรมจากการกระทำผิดพลาดบกพร่อง แต่เหยื่อที่ถูกยัดเยียดให้ต้องรับเคราะห์กรรมคือผู้ประกอบวิชาชีพทีวี ที่เป็นลูกน้องใต้บังคับบัญชา…พลาดเมื่อไหร่ ก็เลิกจ้างเมื่อนั้น
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เหล่าผู้บริหารช่องทีวีดิจิตอลที่เหลืออยู่ดาหน้ากันออกมา”ขายฝัน”รอบใหม่ ไม่ว่าจะปฏิรูปโครงสร้างองค์กร เพื่อคุณภาพประสิทธิภาพ…เพิ่มช่องทางการเผยแพร่ให้ครอบคลุมครอบจักรวาล…อัดฉีดเงินเติมความสดใหม่ให้เนื้อหาสาระ…เติมความเข้มข้นด้านความบันเทิง…
ถามหน่อยเถอะนะ…สารพัดฝันเริ่ดหรูที่แข่งกันเร่ขาย มันมีอะไรที่ตอกย้ำความเป็นอัตลักษณ์ของช่อง…ตอกย้ำความแจ่มชัดของคำว่า Signature ของช่องให้ชาวบ้านชาวช่องเขาสัมผัสรับรู้ได้แล้วหรือไม่?
ถ้าท่านผู้บริหารช่องยังตาเหลือกตาลอยตอบไม่ถูก อธิบายไม่ได้ สุดท้ายแล้วหนีไม่พ้นที่ผู้ประกอบวิชาชีพทีวีต้องเป็นเหยื่อรับความซวยรอบต่อไปตามเคย….[/restrict]