ในชีวิตนี้ ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่คงเคยทำโทรศัพท์มือถือตกหล่นบ้าง อาจจะหนักเบาต่างกัน ถ้าหนักก็ถึงกับแตกร้าวต้องเปลี่ยนหน้าจอใหม่ หรืออาจถึงขั้นต้องเปลี่ยนเครื่องใหม่
ก่อนที่ผมจะนั่งลงบรรจงเขียนเรื่องนี้ ผมเพิ่งทำสมาร์ทโฟนคู่กายหล่นลงมาจากที่สูง เกือบโดนหัวตัวเอง ยังดีที่ใช้มือและเท้าช่วยชะลอความแรงของการร่วงหล่น อีกทั้งมีเคสที่ใส่ไว้ตั้งแต่ครั้งทำโทรศัพท์หล่นครั้งแรกช่วยให้การหล่นครั้งนี้ไม่ก่อปัญหาใหญ่ให้ต้องปวดหัว
หวนนึกไปถึงครั้งที่สมาร์ทโฟนหล่นครั้งแรกจนกระจกด้านหลังเครื่องแตกร้าว เพราะตอนนั้นไม่ได้ใส่เคส เหตุที่โทรศัพท์หล่นเพราะความประมาทเลินเล่อที่ไปวางโทรศัพท์ไว้บนผ้าห่มที่พับอยู่ปลายเตียง บังเอิญมีคนดึงผ้าไปห่มแล้วไม่เห็นโทรศัพท์ ความหายนะจึงบังเกิด สมาร์ทโฟนกระเด็นกระดอนหล่นลงมาแตกร้าวดังว่า
ครั้งที่สอง วางไว้บนตระแกรงเหล็กที่โอนเอนอยู่บนหลังตู้เย็น พอตู้เย็นสะเทือนนิดเดียว โทรศัพท์ก็หล่นลงมาแล้ว
[restrict]สาเหตุที่ทำให้สมาร์ทโฟนเกือบพังทั้ง 2 ครั้ง คือเรื่องเดียวกันครับ “ความประมาท” หรือถ้าพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือการวางสมาร์ทโฟนไว้ใน “ที่เสี่ยง” นั่นคือความประมาท
แนวคิดนี้สามารถนำมาใช้กับการลงทุนได้เช่นกันครับ
เคยมีนายทุนกลุ่มหนึ่ง ควักเงินก้อนใหญ่เพื่อจะสร้างตลาดน้ำบนถนนพุทธมณฑลสาย 4 ซึ่งเป็นเส้นทางที่ผมขับรถผ่านอยู่เป็นประจำ ครั้งแรกที่เห็นป้ายว่าจะทำที่รกร้างว่างเปล่าตรงนั้นเป็นตลาดน้ำ ผมก็คิดอยู่ในใจว่า “จะไปรอดหรือ” เพราะการทำป่าให้เป็นตลาดน้ำนั้นต้องลงทุนสูงมาก เริ่มจากการถางป่า ปรับหน้าดิน ขุดดินให้เป็นน้ำ แล้วยังต้องมีสิ่งปลูกสร้างต่างๆ เพื่อการค้าขายอีก ไม่เหมือนกับการทำตลาดน้ำบนพื้นที่ซึ่งมีแม่น้ำลำธารไหลผ่านตามธรรมชาติ ซึ่งต้นทุนต่ำกว่ามาก
ผมเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงของที่แห่งนั้น จากป่า ก็เริ่มมีการถากถางดูโล่งขึ้น ต่อมามีการสร้างซุ้มประตู เพื่อให้คนที่ผ่านไปมาได้รับรู้ว่าจะมีตลาดน้ำเกิดขึ้นที่นี่ แต่ในเวลาเพียงไม่นาน ที่ดินตรงนั้นก็รกครึ้มไปด้วยวัชพืชและต้นไม้นานาพรรณ ซุ้มประตูและป้ายชื่อที่สร้างไว้ก็ทรุดโทรมลงไปตามกาลเวลา นั่นคือสิ่งที่บ่งบอกว่าจะไม่มีตลาดน้ำ ณ ที่ตรงนั้นอีกต่อไป…ผู้ลงทุนเจ๊งไปเรียบร้อยแล้วครับ
ตัวอย่างนี้แสดงให้เห็นว่าผู้ลงทุนคิดไม่รอบคอบ หรือกล่าวอีกอย่างหนึ่งคือ “ประมาท” คิดถึงแต่โอกาสแต่ไม่ได้คิดถึงอุปสรรคและความเสี่ยง
หากติดตามข่าวสารบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะพบว่ามีหลายบริษัท ที่เสียหายจากการลงทุนโดยประมาท เช่น ไปลงทุนในต่างประเทศโดยไม่ได้ทำความเข้าใจกฎระเบียบ ไม่เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคในประเทศเหล่านั้น สุดท้ายก็ต้องขาดทุนสะบักสะบอมกลับมา
นักลงทุนที่ขาดทุนจากการลงทุนในหุ้นหลายคนก็มีต้นเหตุมาจากการลงทุนโดยประมาทเช่นเดียวกันครับ
ประมาทเพราะไม่ศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทนั้นๆ ให้ดีก่อนการลงทุน
ประมาทเพราะทุ่มเงินเกือบทั้งหมดไปกับหุ้นตัวเดียวหรือกลุ่มอุตสาหกรรมเดียว
ประมาทเพราะเล่นหุ้นด้วยเงินของคนอื่นไม่ใช่เงินออมของตัวเอง
“ความเสี่ยง” ที่เกิดจากความประมาทจึงลดได้ด้วยความไม่ประมาท คิดให้ดี คิดให้ถี่ถ้วน คิดให้รอบคอบ และศึกษาข้อมูลให้ดี ก่อนตัดสินใจลงทุนครับ[/restrict]