HomeMoney2knowเศรษฐกิจโลกผันผวนหนัก จับจังหวะลงทุนหุ้นอเมริกาให้ผลตอบแทนดี

เศรษฐกิจโลกผันผวนหนัก จับจังหวะลงทุนหุ้นอเมริกาให้ผลตอบแทนดี

จับตาเศรษฐกิจโลกยังผันผวนต่อเนื่อง เป็นโอกาสเลือกลงทุนต่างประเทศ ตลาดหุ้นอเมริกาน่าสนใจ กูรูแนะนำเลือกลงทุนหุ้นรายตัว อาทิ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ธุรกิจยา ค้าปลีก แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ 

มร.ทู้งช์ อาคยู้ทช์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จีเค กรุ๊ป (GK Group) กลุ่มบริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีการเงิน การลงทุนและการธนาคาร โดยมีบริษัทในเครือหลากหลาย ดำเนินธุรกิจอยู่ทั่วโลก เปิดเผยในงาน เปิดโลกการลงทุนในหุ้นอเมริกากับ GKFX Prime ว่า ประเด็นเศรษฐกิจโลกที่ยังคงต้องจับตามองในขณะนี้ มีหลากหลายสถานการณ์ อาทิ สงครามการค้าของ สหรัฐ จีน ความไม่แน่นอนในอังกฤษ กรณี Brexit ความตกต่ำในเศรษฐกิจยุโรป และสัญญาณเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงทั่วโลก

เช่นเดียวกับเศรษฐกิจเอเชีย แม้หลายประเทศจะพยายามยืนหยัดอยู่ด้วยตัวเอง เนื่องจากความตึงเครียดทางการค้าและภาษีกำแพงภาษีที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง จีนในฐานะเครื่องจักรเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ก็กำลังเผชิญกับการเติบโตที่ชะลอตัว เป็นที่น่าจับตาที่ค่าเงินหยวนปรับตัวต่ำลงมาที่ 7 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ ครั้งแรกในปีนี้ มองกลับมาที่เศรษฐกิจประเทศไทย แน่นอนว่าย่อมได้ปรับผลกระทบเช่นเดียวกัน และเป็นความท้าทายอย่างมากสำหรับรัฐบาลใหม่

- Advertisement -

“ปีนี้เรากำลังเฝ้าดูความเคลื่อนไหวที่ลดลงทั่วโลกและพฤติกรรมของตลาดที่จะกลับมามีความรุนแรงมากขึ้น โดยมองไปที่สินทรัพย์ที่ปลอดภัย (Safe Haven) อย่าง พันธบัตรตราสารหนี้ JPY และ US อายุระดับ 10 ปี และทองคำที่เพิ่มขึ้นมากกว่าเมื่อก่อน ในขณะเดียวกัน ผลตอบแทนสูงในตลาดประเทศเกิดใหม่ เช่น ตุรกี ก็ได้รับผลประโยชน์จากสภาวะแวดล้อมแบบนี้เช่นกัน แต่ในสหรัฐอเมริกาซึ่งมีเขตเศรษฐกิจขนาดใหญ่ กลับพบว่าตั้งแต่การเลือกตั้งในปี 2016 อัตราการเติบโตของ GDP ที่เพิ่มขึ้น ตัวเลขจ้างงานที่ดีขึ้น ตลาดทุนและเงินดอลล่าร์ของสหรัฐที่แข็งค่าขึ้น เศรษฐกิจของอเมริกาจึงเป็นที่น่าจับตามอง ขอให้นักลงทุนยึดถือไว้ว่า Trends is your friend คือมองว่าแนวโน้มและความผันผวนเหล่านี้เป็นเป็นเสมือนเพื่อน ที่มอบโอกาสที่ดีในการลงทุน”

นายธำรงชัย เอกอมรวงศ์ นักลงทุนผู้มีประสบการณ์การลงทุนมายาวนานกว่า 10 ปี ทั้งในตลาดหุ้นไทยและตลาดโลกประเมินว่า “ตลาดโภคภัณฑ์จะได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้น จากการที่อัตราดอกเบี้ยต่ำลง และจากความไม่แน่นอนของสงครามการค้าระหว่าง สหรัฐฯ-จีน และ Brexit รวมถึงการแต่งตั้งประธาน ECB คนใหม่ จึงทำให้ตลาดโน้มเอียงไปทางสินค้าโภคภัณฑ์ อย่าง ทองและเงิน”

“ลักษณะของตลาดหุ้นอเมริกาจะมีความผันผวนเฉพาะกลุ่ม หรือที่เรียกว่า Selective ต่างจากตลาดหุ้นไทยที่เขียวทั้งกระดานหรือแดงทั้งกระดาน เนื่องจากเป็นตลาดที่เล็กจึงมีความผันผวนสูง ในตลาดหุ้นสหรัฐเอง แม้ว่าจะมีความผันผวนของตลาดมาเป็นตัวแปรสำคัญ แต่หากพิจารณาผลประกอบการรายบริษัท พบว่าผลกำไรของบริษัทบางแห่งที่เติบโตได้ต่อเนื่อง หากราคาหุ้นปรับตัวลดลงจากภาพรวมของตลาด จึงสามารถพิจารณาลงทุนได้ เช่น หุ้นค้าปลีก หุ้นเทคโนโลยี เป็นต้น โดยหุ้นอเมริกากลุ่มเทคโนโลยีที่น่าสนใจ ไม่ได้มีเพียงแค่กลุ่ม FAANG (Facebook Apple Amazon Netflix Google) เท่านั้น แต่ยังมีกลุ่มที่ผลิตแผงวงจร อาทิ Microsoft Intel NVDIA ASUSTEK อีกด้วย”

“ปัจจุบันในต่างประเทศมีการลงทุนในลักษณะ CFDs ที่อาศัยการเปลี่ยนแปลงของราคาสัญญาซื้อขาย เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นหรือมีงบประมาณลงทุนไม่มากนัก ซึ่งทำให้เข้าถึงโอกาสการลงทุนได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะ CFDs หุ้น CFDs น้ำมัน CFDs ทองคำ แต่ที่เป็นดาวรุ่งที่สุด คือ CFDs ตลาดโภคภัณฑ์ หรือกลุ่มอาหาร โดยเฉพาะกลุ่มธัญพืชที่มีการเติบโตสูงกว่ากลุ่มอื่น”

Business Today
Business Todayhttps://businesstoday.co
Supporting Thailand's business communities./ FB Page: Business Today Thai/ Social: Business Today Thai (สำหรับ Twitter, YouTube, Telegram)/ LINE: @Business today/ เว็บที่เกี่ยวข้อง: Thailand Today: www.thailandtoday.co/ FB: Thailantoday.co (English)/ Thailand Today News: www.thailandtoday.news/ FB: Thailandtoday.news (Mandarin Chinese)

Latest

ติดตามข่าวสารอัพเดททันใจจาก Businesstoday ได้โดยกรอกอีเมลด้านล่าง

Related News