นายสุวรรณ แทนสถิตย์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) เปิดเผยว่า ธนาคารได้ออกมาตรการเพื่อ ช่วยเหลือลูกหนี้ ที่ได้รับผลกระทบอย่างทั่วถึง ด้วยการขยายระยะเวลาขอรับความช่วยเหลือต่อไปอีก 6 เดือน จนถึง 30 มิ.ย. 2564 โดยมาตรการช่วยเหลือลูกค้ารายย่อย จะครอบคลุมลูกค้าบัตรเครดิต ลูกค้าสินเชื่อบุคคลภายใต้การกำกับ ลูกค้าสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อที่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน เพื่อช่วยลูกค้าลดความวิตกและกังวลใจจากผลกระทบดังกล่าว
มีรายละเอียดของมาตรการเพื่อให้ลูกค้าแจ้งขอรับความช่วยเหลือได้ดังนี้
1.)สินเชื่อบัตรเครดิต
–เปลี่ยนประเภทเป็นสินเชื่อที่มีระยะเวลา (Term Loan) 48 งวด หรือขยายระยะเวลาตามความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้า โดยคิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 12% ต่อปี
–ปรับลดอัตราการผ่อนชำระขั้นต่ำให้กับลูกค้าทุกรายโดยอัตโนมัติตั้งแต่ เม.ย. 63 จนถึงปี 2565
–ปรับลดเพดานดอกเบี้ยตั้งแต่ ส.ค. 2563 รวมถึงการพิจารณาขยายวงเงินให้แก่ลูกค้าที่มีความจำเป็นเป็นการชั่วคราว
2.)สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ
–ลดอัตราผ่อนขั้นต่ำ ตามความสามารถในการชำระหนี้
–เปลี่ยนเป็นสินเชื่อที่มีระยะเวลา (Term Loan) 48 งวด หรือขยายระยะเวลาตามความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้า โดยคิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 22% ต่อปี
–ลดค่างวดอย่างน้อย 30% โดยคิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 22% ต่อปี
3.)สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อที่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน
–เลื่อนชำระค่างวด (เงินต้นและดอกเบี้ย) เป็นระยะเวลา 3 เดือน
–เลื่อนชำระเงินต้น (จ่ายเฉพาะดอกเบี้ย) เป็นระยะเวลา 3 เดือน และพิจารณาลดดอกเบี้ยให้ลูกค้าแต่ละรายตามความเหมาะสม หรือ
–ลดค่างวดโดยขยายเวลาการชำระหนี้
นอกจากนี้ ลูกค้าสามารถขอปรับโครงสร้างหนี้ด้วยการรวมหนี้ (Debt Consolidation) โดยนำสินเชื่อที่อยู่อาศัย บัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ ซึ่งอยู่กับธนาคารกรุงเทพ มารวมเป็นสินเชื่อเดียวกันเพื่อลดภาระทางการเงิน
นางพิกุล ศรีมหันต์ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) กล่าวว่า ธนาคารได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและธุรกิจโรงแรม ให้ผ่านพ้นช่วงวิกฤติ ประกอบด้วย
–มาตรการที่ 1) ขยายเวลาพักชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยนานสูงสุด 6 เดือน โดยจะมีผลต่อเนื่องเมื่อครบอายุสัญญาตามมาตรการช่วยเหลือก่อนหน้า
–มาตรการที่ 2) ปรับลดอัตราผ่อนชำระต่องวดและขยายเวลาผ่อนชำระหนี้
–มาตรการที่ 3) เสริมสภาพคล่องทางการเงินสำหรับธุรกิจโรงแรมเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายหมุนเวียนให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้ วงเงินสูงสุด 30 เดือนตามค่าใช้จ่ายต่อเดือนที่เกิดขึ้นจริง
–วงเงินพิเศษสำหรับการเตรียมความพร้อมกิจการเพื่อต้อนรับการกลับมาของนักท่องเที่ยว โดยขยายเวลาผ่อนชำระตามความรุนแรงของผลกระทบในแต่ละพื้นที่ท่องเที่ยว และยังได้รับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระให้กับธุรกิจโรงแรม ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่เปราะบางและได้รับผลกระทบสาหัสที่สุด โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวของต่างชาติ เช่น ภูเก็ต กระบี่ สุราษฎร์ธานี ชลบุรี และกรุงเทพมหานคร เป็นต้น
ขณะที่ มาตรการช่วยเหลือจากธนาคารทหารไทย (TMB) และ ธนาคารธนชาต ได้ขยายระยะเวลามาตรการตั้งหลักให้ความ ช่วยเหลือลูกหนี้ สินเชื่อรายย่อย โดยมีมาตรการดังนี้
–บัตรเครดิต ปรับอัตราผ่อนชำระคืนขั้นต่ำจาก 10% เป็น 5% ในปี 2563-2564 เป็น 8% ในปี 2565 และเป็น 10% ในปี 2566 เป็นต้นไป
–บัตรกดเงินสด (ทีเอ็มบี) ปรับอัตราผ่อนชำระคืนขั้นต่ำจาก 5% เป็น 3% ในปี 2563-2566
–บัตรเครดิต ลดดอกเบี้ยเหลือ 12% พร้อมผ่อนชำระยอดค้างได้สูงสุด 48 เดือน
–บัตรกดเงินสด (ธนชาต) ลดดอกเบี้ยเหลือ 22% พร้อมผ่อนชำระยอดค้างได้สูงสุด 60 เดือน
–สินเชื่อบ้าน พักชำระเงินต้น โดยยังคงชำระเฉพาะดอกเบี้ย นาน 6 เดือน หรือ ลดยอดผ่อนชำระเหลือ 70% นาน 6 เดือน หรือ พักชำระค่างวดทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย นาน 3 เดือน
–สินเชื่อบุคคล ลดยอดผ่อนชำระเหลือ 70% นาน 6 เดือน และลดอัตราดอกเบี้ยเหลือไม่เกิน 22%