เงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ 23 มีนาคม 2566 ที่ระดับ 34.20 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นมาก” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.44 บาทต่อดอลลาร์ แม้เฟดขึ้นดอกเบี้ยตามคาด แต่ไม่ได้ปรับเปลี่ยนคาดการณ์ดอกเบี้ย หรือ Dot Plot มากนัก ปัจจัยหนุนการแข็งค่าของเงินบาทมาจากทั้งการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ และโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุนธนาคารกรุงไทย ระบุว่า แนวโน้มค่าเงินบาท ในช่วงคืนที่ผ่านมา ค่าเงินบาทแข็งค่ามากกว่าที่เราคาด หากเกิดกรณีที่เฟดขึ้นดอกเบี้ยตามคาด แต่ไม่ได้ปรับเปลี่ยนคาดการณ์ดอกเบี้ย หรือ Dot Plot มากนัก ซึ่งเรามองว่า ปัจจัยหนุนการแข็งค่าของเงินบาทมาจากทั้งการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ และโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ
ส่วนในวันนี้ เรามองว่า ค่าเงินบาทอาจแกว่งตัว sideways ในกรอบ 34.10-34.30 บาทต่อดอลลาร์ หลังจากปรับตัวแข็งค่าขึ้นแรงจากวันก่อนหน้า แต่มองว่า เงินบาทมีโอกาสผันผวนพอสมควร เพราะบรรยากาศในตลาดการเงินเริ่มกลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) ทำให้มีโอกาสที่นักลงทุนต่างชาติจะยังไม่รีบกลับเข้าซื้อหุ้นไทย (แต่แรงขายเริ่มลดลงต่อเนื่องแล้ว)
อย่างไรก็ดี แรงกดดันฝั่งอ่อนค่าก็อาจถูกลดทอนด้วยโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ หากราคาทองคำสามารถปรับตัวขึ้นต่อได้
ส่วนในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) หาก BOE ขึ้นดอกเบี้ยตามคาด และไม่ได้ส่งสัญญาณพร้อมขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องที่ชัดเจน
แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง ก็อาจกดดันให้ เงินปอนด์อังกฤษ (GBP) อ่อนค่าลงได้บ้าง และหนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ซึ่งก็อาจเป็นปัจจัยกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าได้บ้าง
ทว่า หาก BOE ขึ้นดอกเบี้ย +0.50% ตามเดิม เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง สวนทางกับสิ่งที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ก็มีโอกาสที่จะเห็นเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) เดินหน้าแข็งค่าขึ้นต่อ กดดันให้เงินดอลลาร์เคลื่อนไหว sideways หรืออ่อนค่าลงได้
ในช่วงนี้ เรามองว่า ความผันผวนของตลาดการเงินยังอยู่ในระดับสูง (ค่าเงินบาทผันผวนในระดับ 9%-10% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี ที่ผ่านมาที่ระดับ 5% เป็นอย่างมาก)
ทำให้เรามองว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือทางการเงินที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.10-34.30 บาท/ดอลลาร์