สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันพุธ (22 ก.พ.) โดยปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่ 6 เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 2.41 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ 73.95 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 3 ก.พ. 2566
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 2.45 ดอลลาร์ หรือ 3% ปิดที่ 80.60 ดอลลาร์/บาร์เรล
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ม.ค. – 1 ก.พ. ซึ่งมีการเผยแพร่ในวันพุธ (22 ก.พ.) ระบุว่า กรรมการเฟดมีความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่ยังคงสูงกว่าระดับเป้าหมายที่ 2% ของเฟด และตลาดแรงงานยังคงอยู่ในภาวะตึงตัวอย่างมาก ด้วยเหตุนี้เฟดจึงควรจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปจนกว่าจะมั่นใจว่าเงินเฟ้ออยู่ในทิศทางขาลงจนแตะระดับเป้าหมายที่ระดับ 2% ได้อย่างยั่งยืน ซึ่งกระบวนการดังกล่าวอาจต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง
กรรมการเฟดส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่า เฟดควรจะชะลอความแรงในการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ โดยปรับขึ้นเพียง 0.25% และมีกรรมการเฟดเพียงไม่กี่คนที่สนับสนุนให้ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% แต่ถึงกระนั้นก็ตาม กรรมการเฟดมองว่าความเสี่ยงที่เกิดจากภาวะเงินเฟ้อสูงนั้น ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินในวันข้างหน้า และเฟดจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปจนกว่าจะมั่นใจว่าเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้