น.ส.สุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า สรุปภาพรวมธนาคารพาณิชย์ ไตรมาส 2 ปี 66 สินเชื่อหดตัวเล็กน้อย 0.4% จากระยะเดียวกันปีก่อน จากการทยอยชำระคืนหนี้ของภาคธุรกิจหลังเร่งขยายตัวต่อเนื่องเพื่อเสริมสภาพคล่องในช่วงโควิด โดยเฉพาะการชำระคืนสินเชื่อเอสเอ็มอีและภาครัฐ ขณะที่ธุรกิจขนาดใหญ่ส่วนหนึ่งระดมทุนผ่านการออกตราสารหนี้ ประกอบกับมีการบริหารจัดการคุณภาพหนี้ของธนาคารพาณิชย์ ด้านเอ็นพีแอลลดลงมาอยู่ที่ 4.92 แสนล้านบาท คิดเป็น 2.67% ส่วนหนี้ที่ใกล้เป็นเอ็นพีแอลหรือค้างชำระไม่เกิน 90 วัน อยู่ที่ 6.08% ปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนอยู่ที่ 6%
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 66 ปรับดีขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน เป็นผลจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้น แม้ต้นทุนทางการเงินปรับเพิ่มขึ้นจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินรับฝากและ FIDF Fee กลับสู่ระดับปกติ รวมถึงค่าใช้จ่ายดำเนินงานและค่าใช้จ่ายสำรองที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ หากเทียบไตรมาสก่อน กำไรสุทธิปรับเพิ่มขึ้น จากรายได้เงินปันผลตามปัจจัยฤดูกาล และรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเป็นสำคัญ
อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามความสามารถในการชำระหนี้ของ SMEs และครัวเรือนบางกลุ่มที่ยังมีฐานะการเงินเปราะบางจากภาระหนี้ที่สูงขึ้นและรายได้ที่ฟื้นตัวช้า โดยสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ไตรมาส 1 ปี 66 ลดลงเล็กน้อยตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่ภาคธุรกิจมีสัดส่วนหนี้สินต่อ GDP ปรับลดลงต่อเนื่อง และความสามารถในการทำกำไรปรับดีขึ้นเล็กน้อยจากภาคการผลิต โดยต้องติดตามความเสี่ยงจาก ภาคการส่งออกที่ชะลอลงตามเศรษฐกิจโลก ภาคการท่องเที่ยวที่ต้องมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และภาคก่อสร้างที่ต้องติดตามนโยบายของภาครัฐ
ทั้งนี้ สถาบันการเงินยังให้ความช่วยเหลือลูกหนี้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับโครงสร้างหนี้ให้สอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ของกลุ่มเปราะบาง แม้มาตรการแก้หนี้ระยะยาวในช่วงโควิดจะสิ้นสุดในสิ้นปี 66 ลูกหนี้ที่มีปัญหายังสามารถปรับโครงสร้างหนี้ได้อย่างต่อเนื่อง ส่วนที่สิ้นสุดเป็นเรื่องการผ่อนปรนหลักเกณฑ์กำกับดูแลเพื่อลดต้นทุนให้กับสถาบันการเงินเท่านั้น
นอกจากนี้ ธปท. จะเร่งออกมาตรการเพื่อแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน ซึ่งจะทำอย่างครบวงจรและถูกหลักการ ไม่เพิ่มภาระลูกหนี้ในระยะยาว โดยมาตรการที่จะบังคับใช้ในปี 67 คือ การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (responsible lending) ที่รวมถึงการดูแลหนี้เรื้อรัง (persistent debt) ตลอดจนมาตรการอื่น ๆ ที่ ธปท. จะดำเนินการในระยะต่อไป ทั้งการกำหนดอัตราดอกเบี้ยตามความเสี่ยงของลูกหนี้ (risk-based pricing: RBP) และการกำหนดภาระหนี้ต่อรายได้ (debt service ratio: DSR) ซึ่งทั้ง 3 มาตรการจะช่วยเสริมกันในการปรับพฤติกรรมของทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้ตลอดวงจรหนี้ เพื่อช่วยแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนไทยให้ลดลงสู่ระดับที่ยั่งยืน ซึ่งจำเป็นต้องใช้เวลา อาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และคำนึงถึงผลกระทบอย่างรอบด้าน
น.ส.สุวรรณี กล่าวถึงกรณีการปรับเพิ่มจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิตเป็น 8% ปี 67 จากปัจจุบัน 5% นั้น มองว่าจะส่งผลดีต่อลูกหนี้ที่ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยเพิ่ม โดยการปรับจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิตได้ปรับลดลงมาในช่วงโควิดมาอยู่ที่ 5% เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ ที่ผ่านมาเดิมมาตรการจะต้องจบปลายปีที่แล้วแต่เศรษฐกิจฟื้นตัวยังไม่ชัดเจน ตอนนี้เป็นการทยอยกลับขึ้นมา ทำให้การจ่ายขั้นต่ำได้ทยอยกลับมาเป็นปกติ 8% ปี 67 และ 10% ปี 68 ซึ่งเป็นอัตราตามปกติ
ทั้งนี้ การจ่ายขั้นต่ำไปเรื่อยๆ จะมีดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น เช่น วงเงินกู้ 80,000 บาท ดอกเบี้ย 16% จ่ายขั้นต่ำ 5% จะปิดหนี้ใช้เวลาถึง 10 ปี 3 เดือน จ่ายดอกเบี้ยรวม 28,000 ล้านบาท ถ้าจ่ายขั้นต่ำ 8% จะปิดหนี้ได้ 6 ปี 3 เดือน ต้องจ่ายดอกเบี้ย 16,000 ล้านบาท แต่หากจ่ายขั้นต่ำ 10% จะใช้เวลาปิดหนี้เพียง 5 ปี จ่ายดอกเบี้ยรวม 12,000 ล้านบาท เห็นว่าแม้ลูกหนี้ต้องผ่อนชำระค่างวดมากขึ้น แต่สามารถนำค่างวดไปตัดชำระเงินต้นได้มากขึ้น จึงทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยและสามารถปิดจบหนี้ได้เร็ว
นอกจากนี้ในช่วงไตรมาส 4 หรือปลายปีนี้ ธปท.ได้ให้สถาบันการเงินเร่งสื่อสารการปรับเกณฑ์จ่ายขั้นต่ำให้ลูกค้ารับทราบ และเตรียมแนวทางดูแลลูกหนี้ที่ไม่สามารถปรับเพิ่มอัตราการจ่ายได้ เช่น การโอนเปลี่ยนประเภทหนี้เป็นเทอมโลน หรือแบบมีระยะเวลา และกำหนดงวดการจ่ายให้สอดคล้องกับความสามารถชำระหนี้
อย่างไรก็ตามจากประเมินเบื้องต้นมีลูกหนี้จ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิตเกิน 10% มีจำนวนไม่ต่ำกว่า 70-80% และมีส่วนน้อยจ่ายขั้นต่ำไม่เกิน 5% แต่เข้าใจบางคนไม่มีความสามารถจ่ายหนี้ได้จริง เพราะการฟื้นตัวเศรษฐกิจไม่ทั่วถึง และเศรษฐกิจฟื้นตัวจากรายได้ต่างประเทศเป็นหลัก มาตรการถึงเป็นแบบเจาะจง ซึ่งตอนนี้ผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตยังไม่ยื่นเข้ามาพบเพื่อหารือการปรับจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิตและการเพิ่มดอกเบี้ยบัตรเครดิตแต่อย่างใด