HomeMoney2knowบอนด์ยิลด์ไทย จะต่ำอีกนานไหม

บอนด์ยิลด์ไทย จะต่ำอีกนานไหม

ปรากฎการณ์ที่ทำให้นักลงทุนทั่วโลกเกิดความกังวล  จนเทขายสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกในช่วงไม่ผ่านมานี้คงหนี้ไม่พ้นภาวะ “Inverted Yield Curve” หรือปรากฎการณ์อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของสหรัฐฯ ปรับลงมาต่ำกว่าผลตอบแทนระยะสั้น  ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งผิดปกติ  และเป็นเหมือนการส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย

แต่ถ้าไปลองตรวจสอบอัตราผลตอบแทนพันธบัติทั่วโลก  จะพบว่าหลายประเทศในขณะนี้อยู่ในภาวะติดลบ  นั่นหมายความว่าหากนักลงทุนถือจนครบอายุ  ไม่เพียงจะไม่ได้รับผลตอบแทน  แต่เงินต้นก็ได้รับไม่เต็มจำนวนด้วย 

ทำไมบอนด์ยิลด์ทั่วโลกติดลบ ?

ภาวะที่บอนด์ยิลด์ติดลบ  เกิดมาจากมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางในประเทศนั้นๆ ด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจนเป็นศูนย์ หรือติดลบ  เพื่อหวังให้ประชาชนที่เคยออมเงินนำเงินเหล่านั้นออกไปจับจ่ายใช้สอย  เพราะฝากธนาคารเอาไว้ดอกเบี้ยก็ต่ำ  เมื่อเกิดการใช้จ่ายก็จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้  แต่ด้วยบรรยากาศที่ไม่เอื้อให้คนอยากจะใช้เงิน  ไม่อยากจับจ่าย  ไม่อยากลงทุน  จึงเกิดภาวะบอนด์ยิลด์ติดลบขึ้น

- Advertisement -

ปัจจุบันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุ 10 ปีของกว่า 13 ประเทศที่ติดลบ มากที่สุดคือประเทศสวิตเซอร์แลนด์ถึง -1.01% รองลงมาคือเยอรมัน -0.65% ตราสารหนี้ที่มีผลตอบแทนติดลบทั่วโลกมีมูลค่าสูงถึง 15 ล้านล้าน USD (ข้อมูลจาก Bloomberg วันที่ 5 ส.ค. 62)

แม้พันธบัตรรัฐบาลจะมีอัตราผลตอบแทนติดลบ  แต่ก็ยังมีนักลงทุนซื้อกันอยู่ด้วยหลายเหตุผล  เช่น บางกองทุนตราสารหนี้มีนโยบายการลงทุนแบบ Passive ดังนั้นจึงต้องลงทุนให้ได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับ Government bond index ให้มากที่สุด ทำให้ยังต้องซื้อพันธบัตรรัฐบาลแม้ Bond Yield จะติดลบ นักลงทุนบางส่วนคิดว่า Bond Yield ยังติดลบได้อีกจึงเข้าซื้อเพื่อหวังจะได้ Capital gain หรือ นักลงทุนคาดว่า เศรษฐกิจในอนาคตจะหดตัว จึงต้องการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำและมีสภาพคล่องสูงอย่างพันธบัตรรัฐบาล

ในขณะที่คนที่เสียประโยชน์จากบอนด์ยิลด์ติดลบ  จะเป็นกลุ่มกองทุนเพื่อการเกษียน และกลุ่มประกัน หากเข้าซื้อในช่วงนี้ก็จะทำให้ได้รับผลตอบแทนติดลบ และมีความเสี่ยงที่จะขาดทุนจาก Capital loss ได้หาก Bond Yield ปรับตัวสูงขึ้นในอนาคต

บอนด์ยิลด์ไทยยังไม่ติดลบ แต่ก็ปรับตัวลงมาต่ำเรื่อยๆ

บอนด์ยิลด์ไทยและสหรัฐฯ แม้ว่าจะยังไม่ติดลบ  แต่ก็ปรับตัวต่ำลงมามาก  หลังจากที่เฟดมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง  นับตั้งแต่วันที่ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายจนถึงวันที่ 14 ส.ค. 62 บอนด์ยิลด์ 10 ปีของสหรัฐฯ ลดลง 43 bps มาอยู่ที่ 1.59%

ในขณะที่บอนด์ยิลด์10 ปีของไทยลดลง 19 bps มาอยู่ที่ 1.52% แม้ยังห่างไกลจาก บอนด์ยิลด์ติดลบมากอยู่แต่เป็นระดับที่ต่ำที่สุดในรอบกว่า 20 ปีที่ผ่านมา แม้จะยังไม่ติดลบแต่ตลาดก็มีความกังวลอีกอย่างในเรื่องของ Inverted Yield Curve ที่ส่วนต่างระหว่างรุ่น 10 ปีและ 2 ปี (2-10 spread) มีค่าติดลบ โดย 2-10 spread ของสหรัฐฯ ในระหว่างวันที่ 14 ส.ค. มีค่าคิดลบแต่ปิดตลาดที่ 1 bps ส่วนของไทยค่า 2-10 spread ก็ลดต่ำลงมากมีค่าอยู่ที่ 10 bps ซึ่งค่าต่ำสุดจะอยู่ที่ 1 bps ในช่วงเดือนสิงหาคม 2554 และค่าเฉลี่ยในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาที่ 138 bps

ในรอบกว่า 20 ปีที่ผ่านมา แม้จะยังไม่ติดลบแต่ตลาดก็มีความกังวลอีกอย่างในเรื่องของ Inverted Yield Curve ที่ส่วนต่างระหว่างรุ่น 10 ปีและ 2 ปี (2-10 spread) มีค่าติดลบ โดย 2-10 spread ของสหรัฐฯ ในระหว่างวันที่ 14 ส.ค. มีค่าคิดลบแต่ปิดตลาดที่ 1 bps ส่วนของไทยค่า 2-10 spread ก็ลดต่ำลงมากมีค่าอยู่ที่ 10 bps ซึ่งค่าต่ำสุดจะอยู่ที่ 1 bps ในช่วงเดือนสิงหาคม 2554 และค่าเฉลี่ยในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาที่ 138 bps

ทั้งนี้สิ่งที่ตลาดกังวลเกี่ยวกับ Inverted Yield Curve ก็คือความเสี่ยงที่อาจจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในอนาคตและโดยเฉพาะในช่วงนี้มีเรื่องความขัดแย้งระหว่างประเทศหลายกรณีจึงอาจส่งผลกระทบเชิงจิตวิทยาทำให้เกิดความกังวลมากยิ่งขึ้น 2-10 spread ที่ติดลบจะมีนัยยะบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยในอนาคตก็ต้องมีองค์ประกอบอื่นร่วมด้วย เช่น ระดับอัตราเงินเฟ้อ อัตราการว่างงาน หรือระดับหนี้ที่สูงเกินไป

ส่วนภาวะ Inverted Yield Curve ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ก็ถือเป็นระลอกแรกๆ  นับตั้งแต่เกิดวิกฤตซับไพร์มปี 2551 ที่มีการทำ Quantitative easing เป็นครั้งแรกของโลกส่งผลให้ระดับสภาพคล่องเปลี่ยนไป ดังนั้นความน่าเชื่อถือของ Inverted Yield Curve ในการเป็นสัญญาณเตือนถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยอาจมีนัยยะที่ไม่เหมือนเดิม

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนก็ยังควรติดตามสถานการณ์กันต่อไป แต่คาดว่า Inverted Yield Curve จะยังคงเป็นประเด็นให้ได้ยินวนเวียนกันไปอีกสักระยะทีเดียว

ที่มา : สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย

Business Today
Business Todayhttps://businesstoday.co
Supporting Thailand's business communities./ FB Page: Business Today Thai/ Social: Business Today Thai (สำหรับ Twitter, YouTube, Telegram)/ LINE: @Business today/ เว็บที่เกี่ยวข้อง: Thailand Today: www.thailandtoday.co/ FB: Thailantoday.co (English)/ Thailand Today News: www.thailandtoday.news/ FB: Thailandtoday.news (Mandarin Chinese)

Latest

ติดตามข่าวสารอัพเดททันใจจาก Businesstoday ได้โดยกรอกอีเมลด้านล่าง

Related News