ตลาดหุ้นไทยเมื่อวาน (19 ส.ค.) ปิดตลาดที่ 1,637.26 จุด เพิ่มขึ้น 5.86 จุด (+0.36%) มูลค่าการซื้อขาย 57,927.17 ล้านบาท โดยดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,643.65 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,633.79 จุด ดัชนีฯปรับขึ้นตามตลาดต่างประเทศ ตอบรับ Sentiment จากตลาดสหรัฐฯที่ปรับตัวขึ้น
ขณะที่วันนี้ (20 ส.ค.) ติดตามประเด็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 3.16 แสนล้านบาท เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี โดยนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังระบุว่า จะมีส่วนสำคัญในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวเพิ่มได้ 0.55% และจะส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีนี้ขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่ 3% อย่างแน่นอน
นายอุตตม ประเมินว่า หากมาตรการฯ ผ่านความเห็นชอบจาก ครม. ก็จะเร่งดำเนินการได้ภายในปลายเดือน ส.ค. นี้ หรือไม่เกิน ต้น ก.ย. เพื่อให้มีการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบให้เร็วที่สุด ซึ่งก็จะมีผลในการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้
ด้านปัจจัยต่างประเทศ นักลงทุนพากันถือครองสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น โดยได้ปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า จีนและเยอรมนีจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเกิดภาวะ inverted yield curve เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นภาวะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นอยู่สูงกว่าพันธบัตรระยะยาว โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปีดีดตัวเหนืออัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ซึ่งจะบ่งชี้ถึงแนวโน้มการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 30 ปีดิ่งลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในสัปดาห์ที่แล้วเช่นกัน หลุดระดับ 2% เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ขณะที่นักลงทุนพากันเข้าซื้อพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน ด้วยการระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะไม่เผชิญภาวะถดถอย และข้อพิพาททางการค้ากับจีนจะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ
ด้านนายแลร์รี่ คุดโลว์ หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว แสดงความคิดเห็นในทางเดียวกันว่า เศรษฐกิจสหรัฐไม่มีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะถดถอยเช่นเดียวกัน ส่วนในเรื่องการเจรจาการค้ากับจีนนั้น ตัวแทนการค้าจากทั้งสองประเทศจะมีการหารือในอีก 10 วันข้างหน้า และหากการเจรจาดังกล่าวเป็นไปได้ด้วยดีแล้ว เขาก็จะเชิญเจ้าหน้าที่จีนมาที่สหรัฐเพื่อเจรจาอีกครั้งเพื่อหาข้อสรุป
นอกจากนี้ ติดตามเปิดเผยรายงานผลการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ในวันพุธนี้ (21 ส.ค.) และให้ติดตามการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีขึ้นที่เมืองแจ็กสัน โฮล ระหว่างวันที่ 22-24 ส.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด อาจส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.