บลจ.ทิสโก้ แนะลงทุน ในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน และ REITs ในช่วงภาวะดอกเบี้ยต่ำ เนื่องจากให้ผลตอบแทนที่ดี และมีการจ่ายปันผลเฉลี่ย 4% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงต่ำกว่าลงทุนหุ้น
นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่าในปี 2563 เศรษฐกิจทั่วโลกยังเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงหลายประการ เช่น ความขัดแย้งระหว่างประเทศ โรคระบาด ส่งผลให้เศรษฐกิจเติบโตในอัตราที่ชะลอตัว ซึ่งเป็นสาเหตุให้ธนาคารกลางสำคัญทั่วโลก ต่างทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเพื่อสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ
ล่าสุด ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเหลือ 1% กระทบอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวที่ทรงตัวในระดับต่ำ ทำให้การลงทุนในทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานกลับมาน่าสนใจอีกครั้ง เนื่องจากที่ผ่านมามีอัตราการจ่ายปันผลอยู่ในระดับที่ดีและสม่ำเสมอ แม้จะมีความผันผวนสูงกว่าตราสารหนี้ แต่ก็ต่ำกว่าการลงทุนในหุ้น
ทั้งนี้ ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่หุ้นก็ยังผันผวนจากปัจจัยต่าง ๆ การกระจายพอร์ตการลงทุนไปยังสินทรัพย์ทางเลือกอย่าง REITs กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์จึงน่าสนใจ เพราะกองทุนประเภทนี้มีอัตราการจ่ายปันผลที่โดดเด่น และสม่ำเสมอ
เนื่องจากสินทรัพย์ที่เข้าไปลงทุนมักจะอยู่ในช่วงที่รายได้เริ่มคงที่แล้ว โดยในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา REITs ในประเทศไทยจ่ายปันผลในอัตรามากกว่า 4% ต่อปีโดยเฉลี่ย ซึ่งสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยของตราสารหนี้และยังมีความผันผวนที่น้อยกว่าการลงทุนในหุ้น จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเพิ่มผลตอบแทนโดยรวมของพอร์ต แต่อาจจะยอมรับความเสี่ยงจากการลงทุนหุ้นไม่ได้