กระทรวงการคลังสหรัฐ กล่าวหาว่าเวียดนามกับสวิตเซอร์แลนด์ บิดเบือนค่าเงิน ให้อ่อนค่าลงเพื่อผลประโยชน์ทางการค้า พร้อมจับตาจีนและอีก 9 ประเทศ
เมื่อเดือนส.ค.2562 สหรัฐเคยกล่าวหาจีนว่าบิดเบือนค่าเงิน ในช่วงที่สหรัฐกับจีนกำลังเจรจาการค้ากันอย่างเข้มข้น จากนั้นในเดือนม.ค.ปีนี้ สหรัฐได้เลิกกล่าวหาจีน หลังจากสองประเทศบรรลุข้อตกลงการค้า เพื่อลดตัวเลขได้เปรียบดุลการค้าที่จีนมีต่อสหรัฐ
การกล่าวหาเวียดนามกับสวิตเซอร์แลนด์ในครั้งนี้ เปิดโอกาสให้สหรัฐใช้มาตรการด้านภาษีศุลกากร การคว่ำบาตร และมาตรการอื่นๆ หากการเจรจากันเพื่อแก้ไขปัญหานี้ไม่ประสบผลสำเร็จ
เงินฟรังก์สวิสเป็นเงินที่ผู้คนเข้าถือครองในยามเกิดวิกฤติและความไม่แน่นอนในโลก ที่ผ่านมาทางธนาคารกลางสวิสได้พยายามเข้าแทรกแซงในตลาดเงินเพื่อชะลอการแข็งค่าของเงินฟรังก์ ขณะที่เวียดนามนั้นได้อานิสงส์จากสงครามการค้าสหรัฐ-จีน เพราะบรรดาผู้ผลิตในโลกย้ายการผลิตบางส่วนจากจีนไปเวียดนามซึ่งมีความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์น้อยกว่าจีน โดยกระทรวงการคลังสหรัฐระบุว่าเวียดนามได้ประโยชน์ด้านการค้าระหว่างประเทศอย่างไม่เป็นธรรมด้วย
ทั้งนี้ แม้ค่าเงินของสวิสกับเวียดนามแข็งค่าขึ้นในช่วงที่ผ่านมา แต่รัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มองว่ายังแข็งค่าไม่พอ การเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นในช่วงที่โควิด-19 ซึ่งระบาดไปทั่วโลก ทำให้ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐกับบรรดาคู่ค้าเพิ่มสูงขึ้น อันสร้างความไม่พอใจแก่ทรัมป์ ซึ่งชนะการเลือกตั้งเมื่อ 4 ปีที่แล้วส่วนหนึ่งเพราะสัญญาจะลดตัวเลขเสียเปรียบดุลการค้าของสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม การกล่าวหาครั้งนี้น่าจะมีผลกระทบในทางปฏิบัติที่จำกัดตั้งแต่ช่วงนี้ไปจนถึงวันที่ 21 ม.ค. ซึ่งรัฐบาลทรัมป์หมดวาระ