ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ หลายคนมักจะเจอกับปัญหาและอุปสรรคมากมาย โดยเฉพาะยิ่งใครที่มีหนี้อยู่ด้วยแล้ว อาจต้องนั่งกลุ้มใจเป็น 2 เท่า เพราะนอกจากจะหาเงินทองยากแล้ว ยังต้องมาเจอหนี้สินที่ต้องจ่าย พอมีวิกฤติจะหาเงินที่ไหนไปใช้หนี้คืนเจ้าหนี้ จนบางรายอาจเกิดพฤติกรรมที่ว่า “ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย”
แต่เมื่อพบวิกฤติ เจออุปสรรค มักจะมีทางออกให้อยู่เสมอ ในเรื่องหนี้สินก็เช่นเดียวกัน ทางธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) หรือแบงก์ชาติ ในฐานะเป็นหน่วยงานกำกับดูแลสถาบันการเงินได้ร่วมมือกับทุกภาคส่วน เช่น กรมบังคับคดี ศาลยุติธรรม เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ของสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้การกำกับ ให้ลูกหนี้ทั้งดีหนี้ ดีเสีย หรือทุกระดับชั้นเข้ามาหาทางออกร่วมกัน
โดยหนี้ที่มักจะพบปัญหาอยู่บ่อยครั้ง คือ หนี้ที่ไม่มีหลักประกัน เพราะสถาบันการเงินไม่สามารถนำหลักทรัพย์ หรือหลักประกันใดไปบริหารจัดการเพื่อให้ได้มาถึงเงินที่ต้องชำระคืนได้ ทำให้กลุ่มนี้ยังต้องก้มหน้าก้มตาใช้หนี้ต่อไป เช่น บัตรเครดิต สินเชื่อบุคคล จนทำให้ แบงก์ชาติ ได้จัดงานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้บัตรและหนี้บัตรส่วนบุคคลขึ้นมา ตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ.-14 เม.ย.2564 เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ทุกระดับชั้น เรียกได้ว่า โอกาสทองมาถึงแล้ว!!
หนี้ที่เข้าเงื่อนไข ประกอบด้วย 1.หนี้บัตรดี ค้างชำระไม่เกิน 3 เดือน 2.หนี้บัตรเสียค้างชำระเกิน 3 เดือน(NPL) ก่อนฟ้องและอยู่ระหว่างฟ้อง และ3.หนี้บัตรเสียที่มีคำพิพากษาแล้ว ซึ่งหนี้ประเภทที่ 3 นี้อยู่ในชั้นกรมบังคับคดีแล้ว และโดยปกติเจ้าหนี้จะไม่ยอมเจรจา แต่หากได้เข้าร่วมมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้ครั้งนี้ จะได้รับข้อเสนอพิเศษจากสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการ
อ่าน : มหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้ บัตรวันแรก ยอดลงทะเบียนทะลุ 4 หมื่นบัญชี
แล้วลูกหนี้จะได้รับความช่วยเหลืออย่างไร? ข้อเสนอของกลุ่มที่ถูกพิพากษาแล้ว จะได้รับการยกดอกเบี้ยคงค้างให้ โดยมีเงื่อนไข 3 กรณี ได้แก่ 1.จ่ายเฉพาะเงินต้น ดอกเบี้ยค้างยกให้เมื่อทำได้เสร็จตามสัญญา ผ่อนจ่ายภายใน 3 เดือน 2.จ่ายเฉพาะเงินต้น ดอกเบี้ยค้างยกให้เมื่อทำได้เสร็จตามสัญญา ผ่อนจ่ายภายใน 3 ปี และ3.จ่ายเฉพาะเงินต้น ดอกเบี้ยค้างยกให้เมื่อทำได้เสร็จตามสัญญา ผ่อนจ่ายภายใน 5 ปี
ตัวอย่างผ่อนจ่าย 5 ปี กรณีหนี้เงินต้น 50,000 บาท ในปีที่ 1-3 ชำระ 80% ของหนี้ จ่ายแต่เงินต้นจะมีค่างวดที่ 1,111 บาทต่อเดือน ส่วนปีที่ 4-5 ชำระ 20% ที่เหลือ จ่ายค่างวด 416 บาทต่อเดือน ทำให้เห็นว่าจ่ายเพียงเดือนละหลักร้อยหลักพัน แค่ 5 ปี ก็ปลอดหนี้ได้แม้ถูกพิพากษาแล้ว แถมไม่ต้องเสียดอกเบี้ยให้เจ้าหนี้อีกด้วย
ข้อเสนอของกลุ่มหนี้เสียแต่ยังไม่ฟ้อง จะมีโครงการคลินิกแก้หนี้ จ่ายเฉพาะเงินต้นนานสูงสุด 10 ปี ยกเว้นดอกเบี้ยค้างเดิมให้เมื่อผ่อนได้ตามสัญญา เช่น มีเงินต้น 233,300 บาท ดอกเบี้ยเดิม 59,508 บาท ไม่ต้องจ่าย แต่จะเริ่มผ่อนในโครงการคลินิกแก้หนี้ได้ด้วยดอกเบี้ยใหม่เพียง 4-7% ต่อปี ผ่อนชำระ 2,870 บาทต่อเดือน นาน 84 เดือน
ส่วนข้อเสนอของคนที่หนี้บัตรยังดี ผ่อนชำระปกติ ค้างชำระไม่เกิน 3 เดือนหรือยังไม่เป็น NPL จะได้รับข้อเสนอเข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือจากสถาบันการเงิน เช่น บัตรเครดิต เปลี่ยนเป็นสินเชื่อระยะยาว 48 งวด หรือขยายเวลาชำระหนี้ ดอกเบี้ยไม่เกิน 12% หรือใครถือบัตรกดเงินสด จะลดอัตราผ่อนขั้นต่ำ เปลี่ยนเป็นสินเชื่อระยะยาว 48 งวด ดอกเบี้ยไม่เกิน 22%
อ่าน : มีเงิน 1,000 บาท ลงทุน อะไร ให้ผลตอบแทนดี
ตัวอย่างเทียบการผ่อนหนี้บัตรกับสินเชื่อผ่อนรายเดือน มีเงินต้น 100,000 บาท หากถือบัตรเครดิตจ่ายขั้นต่ำ เงินที่จ่ายรายเดือนในปีแรก 5,000 บาท มีเวลาผ่อน 84 งวด ดอกเบี้ย 16% มีดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย 33,849 บาท แต่หากเปลี่ยนเป็นสินเชื่อผ่อนรายเดือน ผ่อนเท่ากันทุกงวด เงินที่จ่ายรายเดือนในปีแรก 3,000 บาท ระยะเวลาผ่อน 40 งวด ดอกเบี้ย 12% มีดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย 21,487 บาทเท่านั้น
ช่องทางการติดต่อโทร 1213 ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ของแบงก์ชาติ หรือ www.1213.or.th , กรมบังคับคดี www.led.go.th , ศาลยุติธรรม https://mediation.coj.go.th หรือเดินเข้าไปหาเจ้าหนี้ของตนเองและสอบถามรายละเอียด แจ้งความประสงค์สนใจได้ทันที
ทุกปัญหามีทางออก เช่นเดียวกับคนเป็นหนี้ แต่หนทางที่ดีที่สุดของคนเป็นหนี้คือ มีหนี้ต้องใช้คืน ก่อนจะเสียประวัติเพราะคำว่า “ไม่มี ไม่หนี้ ไม่จ่าย” หยุดพฤติกรรมเหล่านี้ ถ้าหากไม่ไหวจะจ่ายจริง ด้วยเหตุผลนานัปการ ควรติดต่อเจ้าหนี้โดยเร็วเพื่อหาทางออกร่วมกัน ก่อนไฟที่สุมจะลุกโชนจนหาหนทางดับไม่ทัน.

ตัวอย่าง
1.กลุ่มลูกหนี้ถูกฟ้องร้อง-บังคับคดี มีเงินต้น 50,000 บาท เมื่อไกล่เกลี่ยจ่าย 5 ปี ในปีที่ 1-3 จ่ายค่างวด 1,111 บาทต่อเดือน และปีที่ 4-5 จ่ายค่างวด 416 บาทต่อเดือน โดยยกเว้นดอกเบี้ยให้
2.กลุ่มลูกหนี้เสีย-ยังไม่ฟ้องร้อง มีเงินต้น 233,300 บาท เมื่อเข้าร่วมคลินิกแก้หนี้ดอกเบี้ยเดิม 59,508 บาท ไม่ต้องจ่าย โดยเริ่มผ่อนด้วยดอกเบี้ยใหม่ 4-7% ต่อปี ผ่อนชำระ 2,870 บาทต่อเดือน นาน 84 เดือน
3.กลุ่มลูกหนี้ดี-ค้างชำระไม่เกิน 3 เดือน มีเงินต้น 100,000 บาท เมื่อขอความช่วยเหลือจากสถาบันการเงิน จากเดิมจ่ายแต่ขั้นต่ำ เวลาผ่อน 84 งวด ดอกเบี้ย 16% ดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย 33,849 บาท แต่หากเปลี่ยนเป็นผ่อนเท่ากันทุกงวด เวลาผ่อน 40 งวด ดอกเบี้ย 12% มีดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย 21,487 บาท
ที่มา : ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย