นายสารัชต์ รัตนาภรณ์ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ธนาคารไทยพาณิชย์ ได้รับใบอนุญาตการจัดตั้ง ธนาคารไทยพาณิชย์ เมียนมา จากธนาคารกลางเมียนมา และพร้อมให้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 ม.ค. 2564 ตามยุทธศาสตร์การขยายเครือข่ายต่างประเทศในกลุ่มประเทศ CLMV+2 ซึ่งธนาคารไทยพาณิชย์ เมียนมา เป็นธนาคารไทยเพียงแห่งเดียวที่ได้รับอนุญาตจัดตั้งธุรกิจในรูปแบบธนาคารลูก (Subsidiary License) โดยมีธนาคารไทยพาณิชย์เป็นผู้ถือหุ้น 100% สามารถประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ได้เต็มรูปแบบเสมือนธนาคารท้องถิ่นในเมียนมา
ทั้งนี้ธนาคารมีความมุ่งมั่นที่จะให้บริการประชาชนและส่งเสริมธุรกิจในเมียนมาเพื่อให้สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้มากขึ้น ซึ่งในขณะนี้อัตราประชากรที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินมีถึง 74% รวมทั้งสินเชื่อในภาคธุรกิจที่มีเพียง 20% ของ GDP ดังนั้นธนาคารจึงมุ่งเน้นการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของเมียนมาผ่านการนำเสนอบริการและผลิตภัณฑ์ทางการเงินให้กับกลุ่มเป้าหมายของธนาคารให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม ทั้งกลุ่มลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ ลูกค้าเอสเอ็มอี และลูกค้ารายย่อย โดยนำเทคโนโลยี เข้ามาเชื่อมต่อกับธุรกิจในเมียนมาเพื่อสร้างขีดความสามารถใหม่และเดินหน้าเจาะตลาดลูกค้าทุกกลุ่มให้ประสบความสำเร็จ
นอกจากนี้ ธนาคารยังมีเป้าหมายจะสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการเงินและระบบการชำระเงินให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและสามารถตอบโจทย์โลกธุรกิจและการเงินดิจิทัลให้กับเมียนมา สอดคล้องกับทิศทางการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านระบบดิจิทัลในเมียนมาที่เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งธนาคารอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อพัฒนาบริการให้สามารถสร้างประสบการณ์ทางการเงินที่ดีให้กับชาวเมียนมา โดยจะเริ่มต้นพัฒนาด้านระบบการชําระเงินดิจิทัล ทั้ง Corporate portal สำหรับลูกค้าธุรกิจ และ Mobile Banking สำหรับลูกค้ารายย่อย ซึ่งคาดว่าจะสามารถให้บริการได้ภายในปี 2565 เพื่อตอบโจทย์การชำระสินค้าและบริการ ซึ่งจะช่วยลดภาระในการใช้และบริหารเงินสดในประเทศ
นายสารัชต์ กล่าวว่า เมียนมาเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโตค่อนข้างสูง ถึงแม้ปัจจุบัน สินเชื่อลูกค้าธุรกิจจะเทียบเท่า 87% ของสินเชื่อทั้งหมดที่มีมูลค่าประมาณ 18,000 ล้านเหรียญ ในส่วนลูกค้ารายย่อยจะมีเพียงประมาณ 10% โดยนวัตกรรมในรูปแบบสินเชื่อดิจิทัล (Digital Lending) จะเข้ามามีบทบาทสำคัญ จากอัตราเพิ่มการใช้งานของ smartphone จาก 80% เป็น 90% ของประชากร ในปี 2561 ถึง 2562 นอกจากนั้น ยังมีอัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้นกว่า 1 ล้าน ผู้ใช้งาน ระหว่างปี 2562 ถึง 2563 จึงเป็นกลุ่มศักยภาพสำคัญต่อการพัฒนาระบบการเงินดิจิทัล
“ประเทศไทยเองต่างกำลังเผชิญและต่อสู้กับมหาวิกฤตการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 แต่ธนาคารยังเชื่อมั่นว่าทิศทางการลงทุนในเมียนมาจะไม่เปลี่ยนภาพไปจากเดิม เศรษฐกิจจะสามารถฟื้นตัวกลับมาเติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพเมื่อสถานการณ์คลี่คลายลง จึงเดินหน้าตามแผนเปิดสำนักงาน ธนาคารไทยพาณิชย์ เมียนมา เพื่อเป็นฟันเฟืองด้านการเงินร่วมสนับสนุนการฟื้นฟูของการค้า-การลงทุนให้กับภาคธุรกิจ ตลอดจนการเงินภาคประชาชนในเมียนมา และเป็นสะพานเชื่อมโยงการลงทุนในระดับภูมิภาคต่อไป”
ทั้งนี้ธนาคารโลกคาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเมียนมาจะกลับมาขยายตัวที่ 6% ในปี 2564 เติบโตจากที่คาดว่าจะขยายตัว 1.5% ในปี 2563 เพราะผลกระทบจากโควิด-19