ราคาน้ำมันดิบโลกวันนี้ปรับขึ้นกว่า 1% ทำจุดสูงสุดในรอบเกือบ 3 เดือน หลังเงินเฟ้อสหรัฐออกมาต่ำกว่าคาด หนุนคาดการณ์เฟดขึ้นดอกเบี้ยอีกเพียง 1 ครั้งในปีนี้
ความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบต่างประเทศประจำวันที่ 14 ก.ค. 2566 มีการเปลี่ยนแปลงตามชนิดที่อ้างอิง ดังนี้
- เวสต์เท็กซัส (WTI) อยู่ที่ 76.89 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.14 ดอลลาร์
- เบรนท์ (Brent) อยู่ที่ 81.36 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.25 ดอลลาร์
- ดูไบ (Dubai) อยู่ที่ 80.95 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.24 ดอลลาร์
นักวิเคราะห์ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มมากกว่า 1% แตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 เดือน หลังตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ต่ำกว่าคาด ทั้งนี้ตลาดคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพียง 1 ครั้งในปีนี้ ก่อนยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับแรงหนุน จากการหยุดผลิตน้ำมันดิบในประเทศลิเบีย เพื่อประท้วงต่อต้านการลักพาตัว นาย Faraj Bumatari อดีตรัฐมนตรีการคลัง โดยการประท้วงจะดำเนินต่อไป จนกว่าจะมีการปล่อยตัวนาย Faraj Bumatari ส่งผลให้ปริมาณน้ำมันดิบที่ผลิตจากลิเบีย หายไปอย่างน้อย 3.7 แสนบารร์เรลต่อวัน
ขณะที่รายงานประจำเดือน ก.ค. 2566 ของกลุ่มโอเปก (OPEC) เผย ตัวเลขอุปสงค์น้ำมันโลกในช่วงครึ่งปีหลัง จะปรับเพิ่มขึ้น 2.44 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนที่แล้วถึง 9 หมื่นบาร์เรลต่อวัน โดยอุปสงค์หลักมาจากจีนและอินเดีย ที่ยังมีอัตราการใช้น้ำมันอยู่ในระดับสูง
ด้านนาย Craig Erlam นักวิเคราะห์อาวุโส เผยว่าราคาน้ำมันดิบปรับสูงขึ้นถึง 11% ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้เป็นผลมาจากซาอุดิอาระเบีย ที่ขยายการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ออกไปจนถึงเดือน ส.ค. 2566 และรัสเซียที่จะลดการส่งออกน้ำมันดิบ 5 แสนบาร์เรลต่อวัน ในเดือน ส.ค. 2566 นี้เช่นกัน