KT-PRECIOUS ขึ้นแท่นกองทุนรวมผลให้ผลตอบแทนสูงสุดช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ตามการจัดอันดับของ wealthmagik โดยให้ผลตอบแทน 28.29% ถือเป็น ผลตอบแทนกองทุนรวม ที่สูงทีเดียว
ปัญหาเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ เป็นปัญหาที่ไม่เข้าออกใครทั้งนั้น เพราะแทบทุกคนต่างก็ต้องมาปวดหัวเรื่องการจัดการเงินของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น ว่าควรนำเงินของเราไปเก็บไว้ตรงไหนอย่างไร เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและงอกเงยขึ้นมา เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบันต่างไปจากในอดีตโดยสิ้นเชิง
สืบเนื่องจากเมื่อสักประมาณกว่า 20 ปีที่แล้ว ถ้าเราเป็นคนที่ออมเงินฝากไว้กับธนาคารได้ ก็สามารถสร้างความมั่งคั่งให้กับตนเองได้ไม่ยาก เพราะดอกเบี้ยของการฝากเงินในยุคนั้นอยู่ที่ประมาณกว่า 10% ซึ่งอยู่ในเรตผลตอบแทนของการลงทุนในเรตที่ดีของปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันดอกเบี้ยของเงินฝากประจำอยู่ที่ประมาณ 0.5-1% ต่อปีโดยทั่วไป ขณะที่อัตราเงินเฟ้อนั้นมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 1-2% ต่อปี เมื่อนำอัตราเงินเฟ้อมาเทียบกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากจะเห็นได้ว่าการเอาเงินของตัวเองฝากไว้กับธนาคารเฉย ๆ เท่ากับว่าเรากำลังขาดทุน และเผชิญกับความเสี่ยงอย่างไม่รู้ตัวนั่นเอง
ดังนั้น คนส่วนใหญ่จึงนิยมนำเงินบางส่วนไปลงทุนในหุ้น หรือกองทุนรวม ซึ่งให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงินประจำกับธนาคาร แต่การลงทุนในลักษณะนี้ก็มีความเสี่ยงที่จะทำให้เงินต้นของตัวเรานั้นหายไปได้เช่นกัน ในกรณีที่ตลาดเกิดความผันผวนและอยู่ในช่วงขาลง ประกอบกับเราดันไปเลือกกองทุนหรือหุ้นที่กำลังโดนผลกระทบด้านลบอยู่ในขณะนั้น ก็จะทำให้เงินของเราลดน้อยลงไปได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่าควรจะลงทุนในสินทรัพย์อะไรดีที่มีความเสี่ยงไม่มาก แต่ให้ผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจ อย่างไรคงหนีไม่พ้นการลงทุนในกองทุนรวม โดย Wealthmagik ได้จัดอันดับ ผลตอบแทนกองทุนรวม ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดในช่วง 1 ปี ที่ผ่านมา 10 อันดับ (ข้อมูล ณ วันที่ 9 ก.พ.63) ดังนี้
1.KT-PRECIOUS หรือ กองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ โกลด์ แอนด์ เพรเซียส เอคควิตี้ ของ บลจ.กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ให้ผลตอบแทน 28.29% โดยเป็นกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ
2.TJREIT หรือกองทุนเปิด ทิสโก้ เจแปน รีท ของ บลจ.ทิสโก้ จำกัด ให้ผลตอบแทน 23.28% โดยเป็นกองทุนรววมที่ลงทุนในต่างประเทศ
3.SCBPIND หรือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ พร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ อินฟราสครัคเจอร์ เฟล็กซิเบิ้ล ชนิดจ่ายเงินปันผล ให้ผลตอบแทน 22.21% จาก บลจ.ไทยพาณิชย์ จำกัด โดยเป็นกองทุนรวมหน่วยลงทุน
4.SCBPINA หรือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ พร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ อินฟราสครัคเจอร์ เฟล็กซิเบิ้ล ชนิดสะสมมูลค่า ให้ผลตอบแทน 22.18% จาก บลจ.ไทยพาณิชย์ จำกัด โดยเป็นกองทุนรวมหน่วยลงทุน
5. PRINCIPAL GREITs หรือ กองทุนเปิดพรินซิเพิล โกลบอล รีทส์ ให้ผลตอบแทน 21.90% จาก บลจ.พรินซิเพิล จำกัด โดยเป็นกองทุนรวมหน่วยลงทุน
6.LHPROP-A หรือ กองทุนเปิด แอล เอช พร็อพเพอร์ตี้ พลัส A ให้ผลตอบแทน 21.64% จาก บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด โดยเป็นกองทุนรวมหน่วยลงทุน
7.TMBPIPF หรือ กองทุนเปิดทหารไทย พร็อพเพอร์ตี้ อินคัม พลัส ให้ผลตอบแทน 21.35% จาก บลจ.ทหารไทย จำกัด โดยเป็นกองทุนรวมหน่วยลงทุน
8.PRINCIPAL iPROPPLUS ให้ผลตอบแทน 21.07% จาก บลจ.พรินซิเพิล จำกัด โดยเป็นกองทุนรวมหน่วยลงทุน
9.PRINCIPAL iPROPRMF หรือ กองทุนเปิดพรินซิเพิล พร๊อพเพอร์ตี้ อินคัมเพื่อการเลี้ยงชีพ ให้ผลตอบแทน 20.98% จาก บลจ.พรินซิเพิล จำกัด โดยเป็นกองทุนรวม RMF ลงทุนแบบอื่น
10.LHPROPRMF หรือ กองทุนเปิด แอล เอช ไทย พร็อพเพอร์ตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ ให้ผลตอบแทน 20.94% จาก บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด โดยเป็นกองทุนรวม RMF ลงทุนแบบอื่น
ทั้งนี้ จากข้อมูลจะเห็นได้ว่ากองทุนที่มีการออกไปลงทุนต่างประเทศ ติดอันดับกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดมาทั้งอันดับ 1 และ 2 สืบเนื่องจากผลตอบแทนตลาดหุ้นสหรัฐฯในปี 2562 ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 13.8% ซึ่งดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้นประมาณ 30% ดัชนีดาวน์โจนส์ เพิ่มขึ้นประมาณ 23% ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นฝรั่งเศสเพิ่มขึ้นประมาณ 27% ดัชนีตลาดหุ้นเยอรมนีเพิ่มขึ้นประมาณ 27% ดัชนีหุ้นออสเตรเลียเพิ่มขึ้นประมาณ 21% ดัชนีหุ้นรัสเซียเพิ่มขึ้นประมาณ 28% ส่วนดัชนีหุ้นไทยให้ผลตอบแทนทั้งปีประมาณ 1% เท่านั้น
ผลตอบแทนกองทุนรวม สิบอันดับแรกจึงถือว่าน่าสนใจในการลงทุนทีเดียว
อ่านข่าวอื่น “ทิสโก้”ชี้ วิกฤตไวรัสโคโรนาเป็นโอกาสดีเข้าเก็งกำไรหุ้นเทคโนโลยี-เฮลธ์แคร์จีน