การล่มสลายของซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (เอสวีบี) ไม่เพียงส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมไฮเทค แต่ตลาดคริปโตก็เจอหางเลขไปด้วย เพราะมูลค่าของ USDC อันเป็นเหรียญ stablecoin ที่ใหญ่เป็นอันดับสอง หลุดระดับ 1 เหรียญต่อดอลลาร์และร่วงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยการร่วงลงครั้งนี้นับว่ามากกว่าเมื่อคราวการล่มสลายของ FTX ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตรายใหญ่ของโลก
อย่างไรก็ตาม บิตคอยน์และสกุลเงินคริปโตอื่นๆ ดีดตัวขึ้นในวันจันทร์ (13 มี.ค.) หลังจากทางการสหรัฐประกาศแผน เพื่อพยายามจำกัดวงผลกระทบจากการล่มสลายของเอสวีบี โดยกระทรวงการคลังและธนาคารกลางสหรัฐประกาศมาตรการสร้างเสถียรภาพให้แก่ระบบธนาคาร พร้อมยืนยันว่าผู้ฝากเงินไว้กับเอสวีบีจะสามารถเข้าถึงเงินฝากได้ในวันจันทร์นี้
ทั้งนี้ แม้ที่ผ่านมา เอสวีบีมีการลงทุนที่เสี่ยง แต่ดูเหมือนสิ่งที่พ่นพิษใส่ธนาคารรายนี้คือโควิด หรือสิ่งที่เอสวีบีทำในช่วงอุตสาหกรรมไฮเทคเฟื่องตอนเกิดโรคระบาด ซึ่งมีการล็อกดาวน์และผู้คนทำงานที่บ้านหรืออยู่กันแต่หน้าคอมพิวเตอร์ ช่วงนั้นบรรดาบริษัทไฮเทคจ้างพนักงานกันกระหน่ำ ส่วนสตาร์ทอัพก็ได้เงินทุนไปอย่างพร้อมเพรียง ทำให้ปลายไตรมาสแรกของปี 2565 เอสวีบีมีเงินฝากของลูกค้าอยู่ราว 200,000 ล้านดอลลาร์ และทางธนาคารได้นำเงินไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล รวมถึงตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง
ต่อมาปรากฏว่าธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด พยายามแก้ปัญหาเงินเฟ้อด้วยการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งท้ายที่สุดแล้วกระทบเอสวีบีในหลายด้าน ด้านหนึ่งคือมูลค่าพันธบัตรที่ถือไว้ ลดลง ส่วนอุตสาหกรรมไฮเทคเองจะไปกู้ยืมเงินก็ไม่สะดวกเสียแล้ว เพราะต้นทุนกู้ยืมหรือดอกเบี้ยสูงขึ้น ในเวลาเดียวกันธุรกิจเงินร่วมลงทุนหรือเวนเจอร์ แคปิตอล ก็เริ่มมีเงินร่อยหรอเพราะถอนตัวจากการลงทุนในบริษัทไฮเทค
เอสวีบีพยายามแก้ไขสถานการณ์ ด้วยการนำสินทรัพย์บางส่วนออกขาย แต่ในราคาที่ขาดทุนไป 1,800 ล้านดอลลาร์ จากนั้นเมื่อวันพุธที่แล้ว (8 มี.ค.) ก็ประกาศว่าต้องระดมทุน 2,250 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเมื่อบรรดาลูกค้าของธนาคารได้ยินก็พากันแตกตื่นและแห่ถอนเงินกันไป 42,000 ล้านดอลลาร์นับถึงเย็นวันพฤหัสบดี (9 มี.ค.) จนกระทั่งวันศุกร์ (10 มี.ค.) เจ้าหน้าที่ต้องยื่นมือเข้ามาและปิดธนาคาร
มีแนวโน้มว่าการล่มสลายในอุตสาหกรรมคริปโต ช่วยเร้าบรรยากาศที่นำไปสู่การที่คนแห่กันไปถอนเงิน เพราะก่อนเอสวีบีล่มสลายไม่กี่วัน ธนาคารซิลเวอร์เกตเพิ่งประกาศยุติกิจการไปเมื่อวันที่ 8 มี.ค.
นอกจากนั้น บริษัทคริปโตก็ได้รับผลกระทบตรงๆ จากวิกฤตเอสวีบีเช่นกัน เพราะ Circle ซึ่งเป็นผู้ออกเหรียญ USDC เปิดเผยว่ามีเงินฝากอยู่ที่เอสวีบี 3,300 ล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 8% จากเงินสำรองทั้งหมด 4 หมื่นล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดผู้ดูแลกฎระเบียบภาคธนาคารสหรัฐ ประกาศว่าผู้ฝากเงินไว้กับเอสวีบีจะสามารถเข้าถึงเงินฝากตั้งแต่วันจันทร์นี้ พร้อมประกาศกลไกเพื่อยับยั้งการแห่ถอนเงินออกจากระบบธนาคาร ท่ามกลางกระแสวิตกเกี่ยวกับผลกระทบ