ราคาน้ำมันดิบโลกวันนี้ปรับขึ้นกว่า 2% จากความกังวลอุปทานตึงตัว หลังรัสเซียประกาศลดกำลังการผลิต จากผลกระทบมาตรการคว่ำบาตร-คุมเพดานราคาของยุโรปและกลุ่ม G7
ความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบต่างประเทศประจำวันที่ 13 ก.พ.66 มีการเปลี่ยนแปลงตามชนิดที่อ้างอิง ดังนี้
• เวสต์เท็กซัส (WTI) อยู่ที่ 79.72 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.66 ดอลลาร์
• เบรนท์ (Brent) อยู่ที่ 86.39 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.89 ดอลลาร์
• ดูไบ (Dubai) อยู่ที่ 83.41 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.39 ดอลลาร์

นักวิเคราะห์ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มมากกว่า 2% เนื่องจากตลาดกังวลภาวะอุปทานตึงตัว หลังนายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียจะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันในเดือนมี.ค ลง 500,000 บาร์เรลต่อวัน หรือประมาณ 5% ของปริมาณการผลิตทั้งหมด
เนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรและจำกัดเพดานราคาน้ำมันดิบรัสเซีย ของสหภาพยุโรปและกลุ่มประเทศ G7 อีกทั้งเรือบรรทุกน้ำมันที่มีอยู่อย่างจำกัด ทำให้เป็นอุปสรรคต่อความพยายามของรัสเซียในการขายน้ำมันไปยังตลาดอื่นๆ
ขณะที่แหล่งข่าวรอยเตอร์ระบุว่า กลุ่มโอเปกและพันธมิตร (OPEC+) ไม่มีแผนที่จะดำเนินการใดๆ หลังจากรัสเซียประกาศลดการผลิตน้ำมัน นอกจากนี้ กลุ่มโอเปกยังคาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันอาจกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งในปี 2566
เนื่องจากอุปสงค์ของจีนที่จะฟื้นตัวขึ้นหลังจากมาตรการควบคุมโควิด-19 ถูกยกเลิก และการขาดเงินลงทุนในการเพิ่มอุปทานน้ำมัน ซึ่งอาจทำให้ราคาน้ำมันดิบมีโอกาสกลับมาที่ระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ด้านสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานกำลังการผลิตของโรงกลั่นในสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 449,000 บาร์เรลต่อวัน โดยเพิ่มขึ้น 2.2% ทำให้กำลังการผลิตโดยรวมของโรงกลั่นในสหรัฐฯ อยู่ที่ระดับ 87.9%