ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 35.53 บาท/ดอลลาร์ ‘อ่อนค่าลงเล็กน้อย’ จากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ 35.51 บาท/ดอลลาร์ ‘กรุงไทย’ ประเมินกรอบวันนี้ที่ 35.45-35.65 บาท/ดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยแนวโน้มค่าเงินบาทวันที่ 12 ก.ย. 2566 ว่า ปัจจัยหนุนการแข็งค่าของเงินบาทในวันก่อนหน้านั้น ส่วนใหญ่มาจากการที่เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ปรับตัวแข็งค่าขึ้น ตามการปรับมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งส่งผลให้เงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่าลง พร้อมกับการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำ
อย่างไรก็ดี ปัจจัยหนุนดังกล่าวก็เริ่มแผ่วลงบ้าง ในขณะที่ปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่ายังคงมีอยู่ ทั้งแรงขายสินทรัพย์ไทยจากบรรดานักลงทุนต่างชาติ ที่เรายังไม่เห็นสัญญาณการกลับมาซื้อสินทรัพย์ไทยอย่างที่เราเคยคาดหวังไว้ ว่านักลงทุนต่างชาติจะเริ่มกลับมาซื้อสินทรัพย์ไทยมากขึ้น หากการจัดตั้งรัฐบาลผสมและคณะรัฐมนตรีเสร็จสิ้นลง
นอกจากนี้ ในช่วงระหว่างวัน เรามองว่าเงินบาทอาจเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าเพิ่มเติมได้ หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจฝั่งยุโรป ทั้งข้อมูลตลาดแรงงานอังกฤษ และดัชนี ZEW ของเยอรมนี ออกมาแย่กว่าคาด ก็อาจส่งผลให้เงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้นได้ตามการอ่อนค่าลงของเงินปอนด์อังกฤษและเงินยูโร
อย่างไรก็ดี เราคาดว่าการอ่อนค่าของเงินบาทอาจเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่ต่างก็รอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ในวันพรุ่งนี้ และรอลุ้นผลการประชุม ECB ทำให้การปรับสถานะถือครองอาจยังไม่ชัดเจนนัก
อนึ่ง ในช่วงนี้ เรามองว่าทุกสินทรัพย์ยังอยู่ในช่วงเผชิญความผันผวนสูง จากทั้งความไม่แน่นอนของทิศทางนโยบายการเงิน ความกังวลแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
และนอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.45-35.65 บาท/ดอลลาร์