สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 2% ในวันอังคาร (11 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ รวมทั้งการคาดการณ์ว่ารัฐบาลจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังข้อมูลล่าสุดบ่งชี้ถึงความอ่อนแอของอุปสงค์ภายในประเทศ
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 1.79 ดอลลาร์ หรือ 2.24% ปิดที่ 81.53 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 1.43 ดอลลาร์ หรือ 1.70% ปิดที่ 85.61 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค เพิ่มขึ้นเพียง 0.7% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายปี ชะลอตัวจากระดับ 1% ของเดือนก.พ. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1% ทั้งนี้ ดัชนี CPI เดือนมี.ค.ของจีนขยายตัวในอัตราต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2564 เนื่องจากการปรับตัวลงของราคาอาหาร ทำให้นักลงทุนมีความหวังว่า ดัชนี CPI ของจีนที่อยู่ในระดับต่ำและบ่งชี้ถึงความอ่อนแอของอุปสงค์ภายในประเทศ จะผลักดันให้รัฐบาลจีนเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ขณะเดียวกันนักลงทุนคาดหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใกล้จะยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งมุมมองดังกล่าวส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง และเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดน้ำมัน เนื่องจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์ มีราคาถูกลงและน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ
นักลงทุนยังจับตาสหรัฐเปิดเผยดัชนี CPI ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี CPI ทั่วไป (headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 5.2% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวจากระดับ 6.0% ในเดือนก.พ. แต่คาดว่าดัชนี CPI พื้นฐาน (core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะดีดตัวขึ้น 5.6% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายปี และเพิ่มขึ้นจากระดับ 5.5% ในเดือนก.พ.