HomeMoney2knowดอกเบี้ยขาลงกระทบธุรกิจแบงก์ทั่วโลก มองจังหวะปรับพอร์ตหาสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ

ดอกเบี้ยขาลงกระทบธุรกิจแบงก์ทั่วโลก มองจังหวะปรับพอร์ตหาสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ

นักลงทุนรุ่นใหม่แนะจับตา SET Index เดือนพฤศจิกายน สถิติเดิมระบุมีโอกาสปรับตัวขึ้นให้เป้าหมายระยะสั้นทางเทคนิคไว้ที่ 1,680 จุด มองภาพรวมปัจจุบันเป็นจังหวะปรับพอร์ต เลือกลงทุนรับความเสี่ยงได้ต่ำอย่างกองทุน REIT เลี่ยงการลงทุนกลุ่มแบงก์ที่ได้รบผลกระทบดอกเบี้ยขาลง

นายณพวีร์ พุกกะมาน ผู้บริหารส่วนภูมิภาค จีเอ็มไอ เอดจ์ กลุ่มสถาบันการเงินจากประเทศอังกฤษ และผู้ก่อตั้ง Creative Investment Academy (CIA) สถาบันให้ความรู้ด้านนวัตกรรมการลงทุนรูปแบบใหม่ กล่าวว่า การที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์

ไทย (SET Index) ปรับตัวขึ้นแรงเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ทางเทคนิคถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีเนื่องจากเป็นการขึ้นที่มีวอลลุ่มสนับสนุน และก่อนหน้านั้น SET Index ปรับตัวลงมาที่แนวรับสำคัญแล้วไม่หลุดลงไป ถือว่ามียังมีสัญญาณที่ดี

- Advertisement -

“ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ลดดอกเบี้ยตามธนาคารกลางสหรัฐฯที่ลดดอกเบี้ยไปแล้วเป็นครั้งที่สามของปี จึงค่อนข้างชัดเจนว่าแนวโน้มดอกเบี้ยทั่วโลกมีโอกาสสูงที่จะเป็นขาลง ซึ่งจะส่งผลดีและผลเสียต่อสินทรัพย์การลงทุนที่แตกต่างกัน เราต้องเลือกลงทุนให้ถูก”

ประกอบกับตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยดัชนี S&P500 สร้างจุดสูงสุดใหม่ได้อีกครั้ง เป็นสัญญาณที่ดีต่อตลาดหุ้นไทยเช่นกัน จากกราฟเทคนิคตอนนี้ SET Index จะมีแนวต้านสำคัญที่อาจเป็นเป้าหมายของการขึ้นรอบนี้ที่ 1,680 จุด หากผ่านไปได้ ถึงจะมองเป้าหมายใหม่ที่ 1,750 จุด ซึ่งเป็นจุดสูงสุดเดิมในปีนี้

“สถิติของ SET Index เดือนพฤศจิกายน 10 ปีย้อนหลังมีเพียงแค่ 2 ปี ที่ดัชนีติดลบ ประกอบกับตลาดจะมองถึงแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในปีหน้า ช่วงนี้เป็นช่วงการประกาศงบการเงินไตรมาสที่สาม ขอให้ศึกษาพื้นฐานของหุ้นที่เราสนใจไว้หากมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี มีโมเดลธุรกิจที่แข็งแกร่งถึงจะเข้าลงทุนได้ในภาวะที่ดอกเบี้ยขาลงและเงินบาทยังแข็งค่า”

สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ต่ำอสังหาริมทรัพย์ ถือเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำและเป็นทิศทางขาลง เห็นได้จากกองทุนอสังหาริมทรัพย์และกอง REIT ที่ซื้อขายในตลาดหุ้นไทยราคา ปรับตัวสูงขึ้นเกินกว่า 20%

กันแทบทั้งสิ้น และกอง REIT ที่ออกมาใหม่หลังจากนี้ถือเป็นสินทรัพย์ที่ควรศึกษาในการลงทุนโดยเฉพาะโครงการที่สร้างกระแสเงินสดได้อย่างดี ซึ่งสามารถคาดหวังผลตอบแทนได้ในระดับที่ดีด้วยเช่นกัน

ด้านนายปุณยวีร์ จันทรขจร นักลงทุนรุ่นใหม่ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนในหลากหลายตลาด เปิดเผยว่า หากมองภาพเศรษฐกิจโดยรวม ธุรกิจในกลุ่มธนาคารยังน่าห่วงที่สุด ซึ่งไม่ใช่แค่ประเทศไทย แต่หมายถึงธุรกิจธนาคารทั่วโลก ที่ได้รับจากผลกระทบดอกเบี้ยติดลบ จึงทำให้รายได้ของกลุ่มธนาคารลดลง

 ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อเนื่องก็คือการที่ธนาคารเองต้องหาแหล่งลงทุนเพื่อทำให้เงินงอกเงยและมีผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน จนอาจทำให้ต้องนำเงินไปลงทุนกับสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น เช่น High Yield Bond หรือ Corporate Debt ที่อาจจะมีความเสี่ยง

“สภาพตลาดขณะนี้กำลังเล่นกับข่าวอย่างเดียวแบบไร้ทิศทาง เช่น ถ้าสงครามการค้ามีแนวโน้มออกมาดีราคาก็วิ่งขึ้นที แต่ถ้าเกิดตัวเลขเศรษฐกิจออกมาแย่ก็มีการเทขายทันที ทำให้ตลาดเกิดความผันผวนสูงจากนโยบายการเงินทั่วโลกเนื่องจากพื้นฐานกิจการไม่รองรับ การเทรดยังคงต้องระมัดระวังให้มาก และนักลงทุนสามารถลดความเสี่ยงได้ด้วยการลด position ในการเทรดลงเพื่อรองรับความผันผวนที่เพิ่มขึ้นรายวัน”

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง : นโยบายการเงินไทย กำลังจะติดกับดัก

Business Today
Business Todayhttps://businesstoday.co
Supporting Thailand's business communities./ FB Page: Business Today Thai/ Social: Business Today Thai (สำหรับ Twitter, YouTube, Telegram)/ LINE: @Business today/ เว็บที่เกี่ยวข้อง: Thailand Today: www.thailandtoday.co/ FB: Thailantoday.co (English)/ Thailand Today News: www.thailandtoday.news/ FB: Thailandtoday.news (Mandarin Chinese)

Latest

ติดตามข่าวสารอัพเดททันใจจาก Businesstoday ได้โดยกรอกอีเมลด้านล่าง

Related News