บล.ทิสโก้ เปิดโผ 15 หุ้นเด่นในช่วงที่เหลือของปี BBL, KBANK, SCB, SPALI, AOT, CPALL, BJC, AMATA, WHA, ROJNA, BEM, ERW, SEAFCO, TRUE และ TU แนะกระจายความเสี่ยงด้วยการเข้าซื้อทองคำ ชี้ช่วงทองคำบาทละ 21,400 บาท เป็นจังหวะเข้าซื้อ โดยเชื่อว่า ปี 63 ราคาทองคำในประเทศจะปรับตัวขึ้นบาทละ 23,200 – 24,000 บาท โดยได้รับแรงหนุนจากเงินบาทเริ่มอ่อนค่า และราคาทองคำโลกปรับเพิ่มขึ้น
นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ทางเทคนิค บล.ทิสโก้กล่าวถึงภาพรวมตลาดหุ้นไทยว่า ในเชิงเทคนิคคาดว่าจากนี้จนถึงสิ้นปี 2562 ดัชนีหุ้นไทยจะค่อย ๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจนไปถึงเป้าหมายปลายปีที่ 1,680 จุดได้ เนื่องจากความเสี่ยงขาลงของตลาดหุ้นเริ่มมีจำกัด
หลังจากที่ผ่านมาดัชนีหุ้นไทยปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง 3 เดือนติดกัน ขณะที่ในไตรมาส 4/2562 จะเริ่มมีสภาพคล่องจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางสำคัญ ๆ ไหลเข้าสู่ระบบ รวมถึงยังเป็นช่วงที่จะมีเม็ดเงินไหลเข้ามาลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) มากที่สุดด้วย
ไตรมาสที่ 4 เป็นไตรมาสที่มีข่าวดีรออยู่มาก โดยเฉพาะสภาพคล่องที่จะมีเพิ่มขึ้นในระบบ ทั้งจากการหยุดลดขนาดงบดุลของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และนักลงทุนยังคาดว่า FED จะลดดอกเบี้ยลงอีก 2 ครั้งในปีนี้ อีกทั้ง ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยังกลับมาทำมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เดือนละ 2หมื่นล้านยูโร แบบยังไม่กำหนดวันสิ้นสุดตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม หากวิเคราะห์ถึงปริมาณเงินที่จะเข้ามาลงทุนในกองทุน LTF และ RMF ในช่วงไตรมาส 4/2562 คาดว่าจะปรับตัวลดลงจากปีก่อน ๆ โดยประเมินว่าจะอยู่ที่ประมาณ 3-4 หมื่นล้านบาท ซึ่งลดลงจากไตรมาส 4/2561 ที่มีเม็ดเงินเข้ามาประมาณ 5.3 หมื่นล้านบาท และไตรมาส 4/2560 ที่มีเม็ดเงินเข้ามา 5.2 หมื่นล้านบาท เพราะนักลงทุนเป็นกังวลเรื่องการเติบโตของเศรษฐกิจในระยาว ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนระหว่างการลงทุนในช่วง 7 ปีปฏิทินของกองทุน LTF และการลงทุนในระยะยาวของRMF ได้ ดังนั้น จึงเป็นเหตุให้นักลงทุนอาจตัดสินใจแบ่งเงินเข้ามาลงทุนใน LTF และ RMF ในสัดส่วนที่น้อยลง และหันไปใช้วิธีอื่นในการช่วยลดหย่อนภาษีแทน
สำหรับหุ้นเด่นแนะนำไปจนถึงสิ้นปี 2562 แบ่งออกเป็น 3 ธีม ดังนี้
1.หุ้นพื้นฐานดี แต่ในรอบ 2-4 ปีราคาปรับลงมาต่ำสุด ได้แก่ BBL, KBANK, SCB และ SPALI
2.หุ้นรับมาตรการรัฐกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้แก่ AOT, CPALL, BJC, AMATA, WHA และ ROJNA
3.หุ้นกำไรดีไตรมาส BEM, ERW, SEAFCO, TRUE และTU
สำหรับนักลงทุนที่ต้องการจัดพอร์ตการลงทุน เพื่อลดความเสี่ยงจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูง และมีแนวโน้มที่จะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี 2563 แนะนำให้ทยอยเข้าซื้อทองคำ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงเศรษฐกิจขาลง โดยควรรอจังหวะที่ราคาทองย่อตัว ซึ่งคาดว่าจะเกิดในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2562 เพราะเป็นช่วงที่สภาพคล่องทั่วโลกเพิ่มขึ้น มองราคาทองคำโลกย่อตัวลงที่ 1,440 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ เป็นจังหวะเข้าซื้อ และรอขายในปี 2563 ที่คาดว่าราคาทองคำจะปรับขึ้นไปอยู่ที่ 1,650 – 1,700 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์
ขณะที่การลงทุนในตลาดทองคำไทยแนะนำให้เข้าซื้อเมื่อราคาลงไปอยู่ที่บาทละ 21,400 บาท และคาดว่าปี 2563 ราคาทองคำในประเทศจะปรับตัวขึ้นไปอยู่ที่บาทละ 23,200 – 24,000 บาท โดยได้รับแรงหนุนจากเงินบาทเริ่มกลับมาอ่อนค่า และราคาทองคำโลกปรับเพิ่มขึ้น
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง : ตลท.แนะลงทุนหุ้นอาหาร-ท่องเที่ยว-เฮลท์แคร์ ชี้ไม่โดนปัจจัยลบเศรษฐกิจโลก