ผลสำรวจ CEO บริษัทจดทะเบียนของตลาดหลักทรัพย์ฯ แสดงความเชื่อมั่นว่ากลุ่มอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และก่อสร้างจะเติบโตขึ้น 6% ในปี 62 ประเมินจีดีพีเติบโตในระดับ 2-3% คาดส่งออกไทยครึ่งหลังปียังไม่กระเตื้อง
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ทำการสำรวจความคิดเห็น CEO จาก 118 บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งคิดเป็นมาร์เก็ตแคปทั้งหมด 46% ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ปรากฏว่า CEO คาดว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 62 เศรษฐกิจไทยจะเติบโตอยู่ที่ 2-3% โดยเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีได้รับแรงสนับสนุนจากปัจจัยภายในประเทศเป็นสำคัญ ทั้งจากการลงทุนภาครัฐ เสถียรภาพทางการเมือง และการขยายตัวของนักท่องเที่ยว
ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไทยมีความเชื่อมโยงกับปัจจัยในต่างประเทศเป็นหลัก ได้แก่ ภาวการณ์ชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก สงครามการค้า การแข็งค่าของเงินบาทซึ่งกระทบความสามารถในการส่งออก
อย่างไรก็ตาม CEO กว่า 80% ที่ตอบแบบสำรวจ คาดว่ารายได้ของบริษัทจดทะเบียนไทยยังคงเติบโตในปี 62 และ 52% คาดว่ารายได้ปี 62 จะเติบโตมากกว่า 6% โดยเฉพาะบริษัทในหมวดการท่องเที่ยว และวัสดุก่อสร้าง เป็นต้น โดย CEO เพิ่มความระมัดระวังในการขยายการลงทุนมากขึ้น แต่ 87% ของ CEO ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มแผนการลงทุนในช่วง 12 เดือนข้างหน้า
นอกจากนี้ CEO ส่วนใหญ่ประเมินว่าการส่งออกไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 62 จะทรงตัวหรือลดลง โดยยังมีความกังวลอีกว่าเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าจะส่งผลเชิงลบต่อธุรกิจ แต่ยังเห็นว่าการยกระดับมาตรฐานด้าน ESG เป็นผลบวกต่อธุรกิจมากกว่าปัจจัยอื่น ๆ
ทั้งนี้ CEO ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการปรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ ในแบบสอบถามดังนี้
1.รูปแบบการดำเนินธุรกิจ จะไม่กระจายการลงทุนไปยังธุรกิจที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ แต่จะกระจายการลงทุนในหลายประเภท เพื่อบริหารความเสี่ยงจากการลงทุนด้านใดด้านหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจให้รองรับเศรษฐกิจดิจิทัล และพัฒนาเครื่องมือในการบริหารงานให้สอดคล้องกับบริบทที่เปลี่ยนแปลง
2.รูปแบบด้านการเงิน จะมีการควบคุมค่าใช้จ่ายทุกด้าน และเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุนโดยเฉพาะการลงทุนในโครงการใหม่ ๆ และระมัดระวังด้านการขยายการจ้างงานเพิ่ม
3.รูปแบบด้านการเติบโตอย่างยั่งยืน คือมีนโยบายการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน และกำหนดนโยบายเกี่ยวกับความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม
4.รูปแบบการปรับแผนการตลาดใหม่จากการศึกษาพฤติกรรมลูกค้าจาก Big Data คือต้องพัฒนานวัตกรรมสินค้าและบริการที่มีคูณค่าสูงควบคู่กับการตอบโจทย์แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนและสร้างการตลาดแบบ Demand Driven by innovation โดยเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายดิจิทัลแลตฟอร์ม และวางแผนการตลาดที่หลากหลายตามกลุ่มผู้บริโภค นอกจากนี้ยังต้องปรับกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพ
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง : “FETCO”เผยผลสำรวจหุ้นกลุ่ม “พลังงาน” ได้รับความสนใจจากนักลงทุนสูงสุด