ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 7เมษายน 2566 ที่ระดับ 34.13 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง” จากระดับปิดวันก่อนหน้า (5 เมษายน) ที่ระดับ 33.89 บาทต่อดอลลาร์ เคลื่อนไหวผันผวนตามทิศทางเงินดอลลาร์และราคาทองคำ
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย ระบุว่า แนวโน้มค่าเงินบาท ในช่วงวันหยุดที่ 6 เมษายน ที่ผ่านมา ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนไปตามทิศทางของเงินดอลลาร์และราคาทองคำ แต่โดยรวมเงินบาทปรับตัวอ่อนค่าลง หลังเงินดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น ในขณะที่ราคาทองคำย่อตัวลงมาบ้าง หลังราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 2,040 ดอลลาร์ต่อออนซ์
เราประเมินว่า ในระหว่างวันนี้ ค่าเงินบาทอาจเคลื่อนไหวในกรอบ sideways ไปก่อน เนื่องจากผู้เล่นส่วนใหญ่อาจรอประเมินภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ จากรายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ในวันนี้ก่อน (จะทยอยรับรู้ในช่วงราว 19.30 น. ตามเวลาในประเทศไทย)
อย่างไรก็ดี ควรจับตาทิศทางฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ หลังตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง และช่วงที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติก็ยังคงเป็นฝั่งขายสุทธิหุ้นไทยอยู่ ซึ่งแรงขายหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติก็อาจเป็นปัจจัยที่กดดันให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงได้บ้าง
ทั้งนี้ เรามองว่า นักลงทุนต่างชาติอาจรอจังหวะ buy on dip หรือรอกลับเข้าซื้อหุ้นไทย หากดัชนี SET ย่อตัวลงใกล้โซนแนวรับที่ผ่านมาแถว 1,520-1,540 จุด
ส่วนปัจจัยหนุนการแข็งค่าของเงินบาทนั้น อาจต้องรอลุ้นโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ หากราคาทองคำสามารถรีบาวด์กลับขึ้นมาใกล้แนวต้านล่าสุดแถว 2,040 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งอาจเป็นไปได้ในช่วงตลาดทยอยรับรู้ข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ
เพราะหากผู้เล่นในตลาดกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ มากขึ้นและเลือกที่จะปิดรับความเสี่ยง ราคาทองคำก็อาจปรับตัวขึ้นได้ จากความต้องการถือสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงนี้ แต่ราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นมากหรือน้อย ต้องรอจับตาการเคลื่อนไหวของเงินดอลลาร์ด้วยเช่นกัน
อนึ่ง ควรระมัดระวังความผันผวนในตลาดการเงิน ในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ เพราะหากข้อมูลออกมาดีกว่าคาด ผู้เล่นในตลาดอาจรอไม่มั่นใจในมุมมองปัจจุบัน ที่ต่างกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะชะลอตัวลงหนัก หรือ เฟดอาจหยุดขึ้นดอกเบี้ยและเริ่มลดดอกเบี้ยลงได้ในช่วงไตรมาสที่ 3 ซึ่งในกรณีนี้ ผู้เล่นในตลาดอาจคลายกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ เสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอยได้บ้างและอาจเริ่มกลับมาเปิดรับความเสี่ยง
ส่วนเงินดอลลาร์มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้บ้าง (การแข็งค่ามาก/น้อย อาจขึ้นกับว่าข้อมูลตลาดแรงงานออกมาดีกว่าคาดขนาดไหน) พร้อมกับการย่อตัวลงของราคาทองคำ ส่วนในกรณีที่ ข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ เป็นไปตามคาด (การจ้างงานและการเติบโตของค่าจ้างชะลอลงบ้างแต่ไม่มาก) ก็อาจไม่ได้กระทบต่อตลาดการเงินมากนัก แต่ในกรณีที่ยอดการจ้างงานออกมาแย่กว่าคาดไปมาก (เหมือนกับยอดตำแหน่งงานเปิดรับ Job Openings หรือ ยอดการจ้างงานภาคเอกชนโดย ADP ก่อนหน้า) เราคาดว่า ตลาดอาจยิ่งกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ เสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย กดดันให้ตลาดปิดรับความเสี่ยง ซึ่งอาจหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อได้ แต่ต้องรอดูว่าเงินดอลลาร์จะแข็งค่าด้วยหรือไม่ (ผู้เล่นในตลาดอาจเลือกที่จะถือเงินดอลลาร์เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยได้เช่นกัน) ทำให้เงินบาทมีโอกาสแข็งค่าขึ้นได้บ้าง แต่ก็อาจถูกกดดันได้ หากเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นด้วย
ในช่วงนี้ เราคงมองว่า ความผันผวนของตลาดการเงินยังอยู่ในระดับสูงทำให้เรามองว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือทางการเงินที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.95-34.25 บาท/ดอลลาร์